เรื่องที่คุณอาจไม่รู้เกี่ยวกับอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์
credit: www.everyday-readers.com
เรารู้จักกันดีเกี่ยวกับความฉลาดของอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ นักวิทยาศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่ที่คิดค้นทฤษฎีสัมพันธภาพอันโด่งดัง ภาพของไอน์สไตน์ที่เราเห็นกันมาตลอด คือคุณลุงผมฟูๆ ผู้เป็นอัจฉริยะ และในสมองคงจะคิดแต่เรื่องที่เราไม่เข้าใจ แต่ความจริงแล้วไอน์สไตน์เองก็เป็นมนุษย์คนหนึ่งที่มีนิสัยใจคอ การดำเนินชีวิตไม่ต่างจากคนธรรมดาทั่วๆ ไป และนี่เรื่องราวเล็กๆ น้อยๆ เกี่ยวกับไอน์สไตน์ที่คุณอาจจะยังไม่รู้
ไอน์สไตน์ชอบการล่องเรือ
ตอนที่ไอน์สไตน์เข้าเรียนในมหาวิทยาลัย ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เขาได้ล่องเรือเป็นครั้งแรกและชอบมันมาก ไอน์สไตน์มักจะล่องเรือไปในทะเลสาบพร้อมกับสมุดโน๊ตเพื่อพักผ่อนและนั่งคิด ถึงแม้จะว่ายน้ำไม่เป็นแต่เขาก็ยังคงล่องเรือเป็นงานอดิเรกอยู่ตลอดในช่วงชีวิตเขา
สมองของไอน์สไตน์เคยถูกขโมย
เมื่อไอน์สไตน์เสียชีวิตลงในปี ค.ศ.1955 ร่างของเขาถูกเผาตามคำสั่งเสีย อย่างไรก็ตาม นายแพทย์โทมัส ฮาร์เวย์ (Thomas Harvey) แห่งโรงพยาบาลพรินซ์ตัน ผู้ชันสูติศพของไอน์สไตน์ ได้แอบผ่าสมองของเขาออกมาเก็บเอาไว้ทั้งๆ ที่ไม่ได้รับอนุญาต หลังจากนั้นเขาก็โดนไล่ออกจากโรงพยาบาลเพราะไม่ยอมคืนสมองของไอน์สไตน์ให้
หลังจากนั้นกว่า 40 ปี โทมัสยังคงเก็บสมองของไอน์สไตน์ไว้ และพาติดตัวเดินทางไปด้วยรอบประเทศ (หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ กว่า 200 ชิ้น และเก็บไว้ในขวดโหล 2 ขวด) ถึงแม้เขาจะไม่ยอมคืนสมองให้ แต่ก็ยังยอมส่งชิ้นส่วนบางชิ้นให้กับพวกนักวิจัยเพื่อทำการศึกษา จนกระทั่งปี ค.ศ.1998 เขาถึงจะยอมคืนสมองของไอน์สไตน์ทั้งหมดให้กับโรงพยาบาลพรินซ์ตัน
ไอน์สไตน์และไวโอลิน
แม่ของไอน์สไตน์เป็นนักเปียโนที่ประสบความสำเร็จ และต้องการให้เขามีความรักในดนตรีด้วย จึงได้สอนไอน์สไตน์เล่นไวโอลินตั้งแต่อายุได้ 6 ปี แต่ในตอนแรกๆ ไอน์สไตน์ไม่ชอบการเล่นไวโอลินนัก จนเมื่ออายุได้ 13 ปี เขาจึงเริ่มสนใจการเล่นไวโอลินอย่างจริงจังหลังจากได้ฟังเพลงของโมสาร์ต หลังจากนั้นมาไวโอลินก็กลายเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในชีวิตของไอน์สไตน์ โดยเขามักจะเล่นไอโวลินเพื่อช่วยผ่อนคลายในเวลาที่ต้องคิดอะไรหนักๆ นอกจากนั้น บางครั้งไอน์สไตน์ก็แสดงโชว์ในที่สาธารณะด้วย
ไอน์สไตน์เคยถูกทาบทามให้เป็นประธานาธิบดี
หลังจากที่ประธานาธิบดีคนแรกของประเทศอิสราเอลเสียชีวิตลงในวันที่ 9 พฤศจิกายน ปีค.ศ.1952 ไอน์สไตน์ถูกทาบทามให้รับตำแหน่งเป็นประธานาธิบดีคนต่อไป แต่เขาปฏิเสธ โดยในจดหมายปฏิเสธไอน์สไตน์ตอบไปว่า เขาขาดซึ่งคุณสมบัติและประสบการณ์ในการรับมือกับผู้คน รวมทั้งเขายังแก่เกินไปแล้วด้วย (ขณะนั้นไอน์สไตน์อายุ 73 ปี)
ไอน์สไตน์ไม่ใส่ถุงเท้า
นอกจากผมฟูฟ่องอันเป็นรูปลักษณ์อันโดดเด่นแล้ว ไอน์สไตน์ยังมีเอกลักษณ์อีกอย่าง คือ ไม่ใส่ถุงเท้า ไม่ว่าจะไปล่องเรือ หรือไปทานอาหารค่ำที่ทำเนียบขาว ไม่ว่าจะไปทำอะไรที่ไหนไอน์สไตน์ก็จะไม่ใส่ถุงเท้า สาเหตุก็เพราะเขารู้สึกว่าถุงเท้าเป็นสิ่งน่ารำคาญและชอบเป็นรูบ่อยๆ และไม่มีเหตุผลอะไรที่จะใส่ทั้งถุงเท้า และรองเท้าพร้อมๆ กัน
เข็มทิศ จุดเริ่มต้นความสนใจในวิทยาศาสตร์
ไอน์สไตน์เริ่มต้นสนใจในวิทยาศาสตร์เป็นครั้งแรกเมื่ออายุได้ 5 ปี เขาเห็นเข็มทิศของพ่อและรู้สึกประหลาดใจมากที่เข็มนั้นชี้ไปทางทิศเหนือตลอดเวลา ความอยากรู้อยากเห็นนั้นติดตัวเขาไปจนโตขึ้น และกลายเป็นความหลงใหลในด้านวิทยาศาตร์
ไอน์สไตน์คิดค้นตู้เย็น
21 ปี หลังจากไอน์สไตน์คิดค้นทฤษฎีสัมพันธภาพ เขาได้คิดค้นตู้เย็นแบบใหม่ที่ทำงานด้วยเชื้อเพลิงแอลกอฮอล์ เนื่องมาจากเขาได้อ่านเกี่ยวกับครอบครัวที่โดนพิษของซัลเฟอร์ไดออกไซด์จากการใช้ตู้เย็น ไอน์สไตน์ได้จดสิทธิบัตรตู้เย็นของเขาในปี ค.ศ.1926 แต่ไม่เคยได้ผลิตออกมา เพราะว่าตอนนั้นมีเทคโนโลยีใหม่เข้ามาใช้แทนได้พอดี
ไอน์สไตน์เป็นนักสูปไปป์ตัวยง
นอกจากรายการที่ผ่านๆ มาแล้ว อีกอย่างที่ไอน์สไตน์ชอบมาก นั่นก็คือการสูบไปป์ เขาจะเดินไปทั่วบ้าน และทั่วที่ทำงานพร้อมกับสูบไปป์ไปด้วย ถ้าใครอยากหาตัวไอน์สไตน์ทำได้ไม่ยาก ให้เดินตามควันไปนั่นแหละ เจอตัวแน่ๆ นอกจากสูบไปป์แล้ว ไอน์สไตน์ยังชอบสูบซิการ์และบุหรี่อีกด้วย
ไอน์สไตน์แต่งงานกับลูกพี่ลูกน้องตัวเอง
หลังจากไอน์สไตน์หย่ากับมิเลวา มาริค (Mileva Maric) ภรรยาคนแรก เขาก็แต่งงานใหม่กับเอลซ่า โลเวนธาล (Elsa Loewenthal) ผู้ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องของเขาเอง โดยทั้งสองนับว่าเป็นญาติใกล้ชิดกันมาก เพราะว่าแม่ของทั้งคู่เป็นพี่น้องกัน นอกจากนั้น พ่อของทั้งคู่ยังเป็นญาติใกล้ชิดกันอีกด้วย ทั้งสองเป็นเพื่อนเล่นสมัยเด็กกัน ก่อนนที่จะแยกย้ายกันไป และได้กลับมาเจอกันอีกครั้งหลังจากโตเป็นผู้ใหญ่
ในตอนเกิดเอลซ่าเองก็นามสกุล ไอน์สไตน์ เหมือนกัน แต่เปลี่ยนเป็น โลเวนธาลหลังจากแต่งงานกับสามีคนแรก ก่อนที่จะกลับมาใช้นามสกุล ไอน์สไตน์ อีกครั้ง หลังจากแต่งงานกับ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์
ไอน์สไตน์มีลูกนอกสมรส
ในตอนที่ไอน์สไตน์ยังเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัย และยังไม่ได้แต่งงานกับมิเลวา มาริค ทั้งสองมีลูกสาวด้วยกันหนึ่งคน คือ ไลแซล (Lieserl) ในสมัยนั้นเด็กที่เกิดนอกการสมรสไม่ถือเป็นเรื่องแปลก แต่สังคมยังไม่ให้การยอมรับ ด้วยความกลัวที่จะเสื่อมเสียชื่อเสียง รวมถึงด้วยความที่ทั้งคู่ยังไม่มีเงิน และไม่สามารถส่งเสียเลี้ยงดูเด็กได้ มิเลวาจึงนำลูกกลับไปอยู่กับครอบครัวของเธอ
เรื่องราวของชีวิตลูกสาวไอน์สไตน์ไม่ค่อยแน่ชัดนัก เพราะการมีอยู่ของเด็กคนนี้ถูกเก็บไว้เป็นความลับ หลักฐานเท่าที่มีอยู่ก็เป็นแค่จดหมายของไอน์สไตน์ที่พูดถึงเธอเท่านั้น ซึ่งจดหมายนี้ก็ถูกค้นพบโดยลูกศิษย์ของไอน์สไตน์เมื่อไม่นานมานี้ แต่สันนิษฐานกันว่า เด็กคนนี้อาจจะเสียชีวิตแล้วตั้วแต่ยังเด็กด้วยโรคไข้อีดำอีแดง หรือไม่ก็ถูกยกเป็นลูกบุญธรรมให้คนอื่นไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น