17 สถานที่โลกตะลึงในปี 2014
Kapook
มานาโรลา คือ หมู่บ้านริมผาเหนือทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ที่นอกจากจะคัลเลอร์ฟูลด้วยสีสันของน้ำทะเลสีครามและสีน้ำตาลอมเทาของหน้าผาแล้ว ยังเขียวขจีไปด้วยต้นไม้ใบหญ้าที่ขึ้นมาปกคลุมหินผา และไม่ว่าจะเป็นวันที่ท้องฟ้าแจ่มใสหรือในยามราตรีที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว หมู่บ้านมาราโรลายังคงเปล่งประกายความสวยงามอยู่เสมอ แค่เห็นภาพยังสดชื่นขนาดนี้ ถ้าลองได้ไปเห็นของจริงละก็ บอกได้เลยว่างดงามเกินบรรยายค่ะ
2. ไร่องุ่นบนภูเขาในเมือง Martigny, สวิตเซอร์แลนด์ (Martigny, Switzerland)
มีหลายเส้นทางที่จะพาคุณเข้าสู่ไร่องุ่นนี้ ไม่ว่าจะเป็นการนั่งรถไฟรับลมชิล ๆ การปั่นจักรยานบนเส้นทางที่ท้าทาย หรือจะเป็นการเดินเท้าเข้าไป ซึ่งหากว่าคุณมีกำลังเหลือเฟือก็ลองพิจารณาอย่างหลังดูนะคะ เพราะการเดินเท้าจะทำให้คุณได้สัมผัสความสวยงามของไร่องุ่นที่มีลักษณะเป็นขั้นบันไดแบบนี้อย่างใกล้ชิด อีกทั้งยังได้เห็นวิวสวย ๆ ของปราสาทอันเก่าแก่ที่ตั้งอยู่บริเวณนี้ได้อย่างชัดเจนเลย
3. ทะเลสาบบนปล่องภูเขาไฟ, อินโดนีเซีย (Kelimutu crater lakes in Flores Island, Indonesia)
แม้ภูเขาไฟจะเป็นสิ่งที่อันตรายและน่ากลัว แต่ใครจะรู้ว่าภายหลังจากที่มันดับสนิทแล้วมันจะกลายเป็นสถานที่น่าเที่ยว อย่างเช่นภูเขาไฟ Kelimutu ที่มันกลับกลายเป็นเสมือนบ่อน้ำสีฟ้าให้ทะเลสาบได้เข้าไปอยู่ในวงล้อมอย่างสวยงาม ที่สำคัญมันยังมีลาวาที่แข็งตัวกั้นกลางให้กลายเป็นบ่อน้ำขนาดยักษ์ถึง 2 บ่อ นอกจากนี้มันยังสามารถเปลี่ยนสีจากสีครามเป็นสีเขียว สีดำ และสีแดงได้ด้วย ซึ่งชาวท้องถิ่นเชื่อว่าปรากฏการณ์เช่นนี้เป็นสัญญาณที่บรรพบุรุษผู้ล่วงลับของของพวกเขาต้องการจะสื่อสารอะไรบางอย่าง
4. เหมืองเกลือโบราณในเมือง Maras, เปรู (Salt mines in Maras, Peru)
นาขั้นบันไดหรือไร่องุ่นขั้นบันไดว่าสวยงามแปลกตาแล้ว หากได้มายลกับเหมืองเกลือแบบขั้นบันไดในเมือง Maras คุณจะอึ้งยิ่งกว่า ด้วยแนวคิดของบรรพบุรุษชาวอินคาที่มาทำเหมืองเกลือบนภูเขาและสืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน โดยนักท่องเที่ยวยังสามารถเดินลัดเลาะเพื่อถ่ายภาพสวย ๆ ของเหมืองเกลือในมุมสูง รวมทั้งวิวของหมู่บ้านด้านล่างด้วย
5. สำนักสงฆ์เมทิโอร่า, กรีซ (The Meteora monasteries, Greece)
สำนักสงฆ์เมทิโอร่า ตั้งอยู่ในเมืองเทสซารี ที่สำคัญในเมืองนี้ยังมีสำนักสงฆ์ตั้งอยู่กว่า 24 แห่ง แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น เพราะไฮไลท์อยู่ที่สำนักสงฆ์เหล่านี้ตั้งอยู่บนยอดเขาสูง ซึ่งคุณต้องใช้เวลาอย่างน้อย 2 วันเพื่อเดินทางเข้าเยี่ยมชมความสวยงามของทิวทัศน์ และอย่าพลาดไปแวะเวียนไปที่ The Great Meteoron Monastery สำนักสงฆ์ที่ตั้งอยู่สูงที่สุดและยังมีความเก่าแก่ที่สุดนั่นเอง
6. โขดหินอูลูรู, ออสเตรเลีย (Uluru, Australia)
โขดหินอูลูรู (Uluru) หินทรายขนาดใหญ่ในอุทยานแห่งชาติ Kata-Tjuta ของประเทศออสเตรเลีย ซึ่งความใหญ่โตของมันยังทำให้สามารถมองเห็นได้ชัดแม้จะอยู่ห่างไกลหลายกิโลเมตรก็ตาม ช่วงเวลาที่สวยที่สุดคงจะเป็นตอนพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตก เมื่อดวงอาทิตย์สาดแสงสะท้อนกับพื้นผิวของหินทำให้เกิดแสงประกายสะท้อนกัน นอกจากนี้ในช่วงกลางคืนมันยังทำหน้าที่เป็นสถานที่สำหรับชมหมู่ดาวสวยงามแบบชัดเจนอีกด้วย
7. เกาะปอดะ, ไทย (Poda Island, Thailand)
ถือเป็นความน่าภาคภูมิใจของไทย เพราะเกาะปอดะก็ถูกจัดให้เป็นสถานที่สุดฮอตในปี 2014 ด้วยเป็นเกาะที่มีความสวยงามของทิวทัศน์รอบด้าน อีกทั้งน้ำทะเลยังใสแจ๋วและมีทรายสีขาวนุ่มเท้า นักท่องเที่ยวจึงไม่พลาดที่จะมาเยือนเกาะปอดะ นอกจากนี้คุณยังสามารถแวะเวียนไปเที่ยวเกาะที่อยู่ใกล้เคียงได้โดยใช้เรือหางยาวหรือสปีดโบ๊ท
8. เกาะสกาย, สกอตแลนด์ (Isle of Skye, Scotland)
หากมาเที่ยวสกอตแลนด์แต่ไม่ได้มาเยือนเกาะแห่งนี้ คุณจะคุยกับคนอื่นไม่รู้เรื่องแน่นอน เพราะมันเป็นเสมือนแลนด์มาร์กสำคัญด้านสถานที่ท่องเที่ยวของสกอตแลนด์ อีกทั้งความงดงามของมันยังเหมือนดินแดนในเทพนิยาย ทั้งภูเขา สายน้ำ และหมู่บ้านที่ถูกห้อมล้อมด้วยบรรยากาศสุดโรแมนติก นอกจากจะเหมาะแก่การพักผ่อนหย่อนใจแล้ว ยังเหมาะเป็นสถานที่สำหรับจัดงานวิวาห์หรือขอสาวแต่งงานอีกด้วย
9. หมู่บ้านสีฟ้าในเมือง Chefchaouen, โมร็อกโก (Village of Chefchaouen, Morocco)
เมือง Chefchaouen เป็นเมืองเก่าแก่ที่นอกจากจะมีประวัติศาสตร์ยาวนานแล้ว สถาปัตยกรรมอันโดดเด่น ได้แก่ อาคารสีฟ้าขาว ที่ตั้งอยู่ทั่วบริเวณเนินเขา ซึ่งอาคารเหล่านี้เป็นการผสมผสานกันระหว่างสถาปัตยกรรมสเปนและแขกมัวร์ ซึ่งถือเป็นเอกลักษณ์สำคัญของเมือง Chefchaouen ที่หาดูไม่ได้ในที่อื่นเลยค่ะ ที่สำคัญชาวบ้านยังเชื่อว่าการทาสีฟ้ายังช่วยไล่ยุงได้อีกด้วย
10. อุทยานแห่งชาติ Bryce Canyon, สหรัฐอเมริกา (Bryce Canyon National Park, USA)
อุทยานแห่งชาติ Bryce Canyon ตั้งอยู่ในรัฐยูทาห์ของสหรัฐอเมริกา จุดเด่นของที่นี่ คือ หินผาที่เรียงรายกันด้วยความสูง สี และขนาดที่แตกต่างกันเป็นบริเวณกว้าง สำหรับนักท่องเที่ยวที่รักการผจญภัยเป็นชีวิตจิตใจแล้ว เชื่อเลยว่ามันจะเป็นสถานที่ซึ่งคุณใฝ่ฝันอยากมาเยือนสักครั้ง นอกจากนี้ยังมีจุดชมวิวสวย ๆ ให้คุณได้เห็นหินผาในรูปทรงที่แตกต่างกันแบบสุดลูกหูลูกตาเลย ยิ่งในวันที่ฟ้าโปร่งด้วยแล้วมันเป็นที่ซึ่งเหมาะแก่การถ่ายรูปมากที่สุดเลย
11. จังหวัด Camiguin, ฟิลิปปินส์ (Camiguin, Philippines)
Camiguin เป็นจังหวัดเล็ก ๆ ในประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นจังหวัดที่ถูกกล่าวขานว่ามันเป็นที่ตั้งของภูเขาไฟมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ว่ากันว่าในทุก ๆ ตารางกิโลเมตรจะมีภูเขาไฟตั้งอยู่หนึ่งลูก นอกจากนี้ยังมีชายหาดสวย ๆ อีกหลายแห่งซึ่งเหมาะแก่การมาเที่ยวพักผ่อน ยังไม่หมดเพียงเท่านี้เพราะจังหวัด Camiguin ยังมีบ่อน้ำร้อนให้แช่กันเพลิน ๆ ด้วย ครบครันที่เที่ยวทางธรรมชาติเช่นนี้เอง มันจึงเป็นสถานที่ซึ่งนักท่องเที่ยวมาเยือนตลอดปี 2014
12. เคปทาวน์, แอฟริกาใต้ (Cape Town, South Africa)
เคปทาวน์ ถูกยกให้เป็นเมืองที่ต้องไปเยือนสักครั้งจากการจัดอันดับของ New York Timesความโดดเด่นของเคปทาวน์ยังอยู่ที่วิวสวย ๆ ของภูเขาเทเบิลที่ตั้งตระหง่านอยู่ริมทะเลซึ่งสามารถมองเห็นได้แต่ไกล นอกจากนี้ยังมีจุดชมวิวบริเวณภูเขาไลออนเฮดซึ่งมีลักษณะคล้ายหัวสิงโตที่ตั้งอยู่ริมทะเล ความงามที่ธรรมชาติรังสรรค์เช่นนี้เองมันจึงเป็นอีกหนึ่งสถานที่ยอดฮิตในปี 2014
13. เมืองโบราณแคปพาโดเชีย, ประเทศตุรกี (Ancient Region of Anatolia, Turkey)
แต่ก่อนเมืองโบราณแห่งแคปพาโดเซียยังไม่เป็นที่นิยมมากนัก แต่หลังจากมีการจัดงานเทศกาลบอลลูนนานาชาติก็เป็นที่รู้จักมากขึ้น จุดเด่นอยู่ที่ปล่องหินธรรมชาติที่เรียงตัวกันอย่างสวยงาม ยิ่งถ้าหากคุณได้มีโอกาสชมความสวยงามของดินแดนแห่งนี้ในมุมสูงโดยการขึ้นบอลลูนละก็ รับรองเลยว่ามันจะเป็นอีกหนึ่งที่เที่ยวที่คุณอยากมาเยือนซ้ำแล้วซ้ำเล่า
14. อ่าวฮาลอง, เวียดนาม (Ha Long Bay, Vietnam)
อ่าวฮาลอง ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเวียดนาม มันเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่ได้รับความนิยมอยู่เสมอ ด้วยความสมบูรณ์และความหลากหลายทางชีวภาพทำให้อ่าวฮาลองถูกยกให้เป็นเป็นมรดกโลก จุดเด่นของอ่าวนี้ คือ มีเกาะหินปูนโผล่ขึ้นกระจาย ๆ ทั่วอ่าว ครอบคลุมพื้นที่ถึง 1,500 ตารางกิโลเมตร นับเป็นความสวยงามที่ธรรมชาติรังสรรค์ขึ้น
15. ทะเลสาบทาโฮ, สหรัฐอเมริกา (Lake Tahoe, USA)
ทะเลสาบทาโฮ เป็นหนึ่งในทะเลสาบที่ตั้งอยู่บนที่สูงที่สุดสูงในสหรัฐอเมริกา และยังกินพื้นที่ระหว่างสองรัฐ คือ แคลิฟอร์เนียและเนวาดา จุดเด่นของทะเลสาบทาโฮ คือ มันถูกล้อมรอบไปด้วยเทือกเขา โดยเฉพาะในช่วงที่มีหิมะโปรยปรายปกคลุมเทือกเขาก่อให้เกิดภาพที่สวยงาม มันจึงขึ้นชื่อเรื่องสถานที่พักต่างอากาศจากนักท่องเที่ยวทั่วโลก
16. อุทยานแห่งชาติ Plitvice Lakes, โครเอเชีย (Plitvice Lakes National Park, Croatia)
Plitvice Lakes เป็นอุทยานแห่งชาติขนาดใหญ่ในโครเอเชีย มันประกอบไปด้วยน้ำตกขนาดใหญ่และทะเลสาบกว่า 16 แห่ง นอกจากนี้ยังมีความสมบูรณ์ด้านธรรมชาติและมีกิจกรรมรองรับนักท่องเที่ยวด้วย ไม่ว่าจะเป็นการพายเรือในทะเลสาบหรือการเดินสำรวจป่าไม้สีเขียว และความสวยงามเช่นนี้เองที่ทำให้มีนักท่องเที่ยวทั่วโลกมาเยือนกว่า 1 ล้านคนต่อปี
17. สวนฮิตาชิ ซีไซด์ พาร์ค, ประเทศญี่ปุ่น (Hitachi Seaside Park, Japan)
สวนฮิตาชิ ซีไซด์ พาร์ค เป็นอีกหนึ่งสวนดอกไม้สุดตระการตาของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งดอกไม้นั้นจะเบ่งบานในฤดูกาลที่ต่างกัน ทำให้คุณได้สัมผัสกับความแตกต่างของญี่ปุ่นในทุกฤดูกาลเลยก็ว่าได้ โดยในฤดูร้อนจะเป็นช่วงเวลาของดอก Nemophila ที่เบ่งบานทั่วทุ่ง, ในช่วงฤดูใบไม้ผลิจะเป็นเวลาของดอกนาซิสซัสและดอกทิวลิปหลากสีสัน หรือในช่วงฤดูใบไม้ร่วงที่ต้น kochia จะกลายเป็นสีแดง และดอกดาวกระจายสีต่าง ๆ บานสะพรั่งสุดลูกหูลูกตา เรียกว่าสวยงามในทุกช่วงเวลาจริง ๆ ค่ะ
เชื่อว่าแต่ละที่นั้นสวยเด็ดโดนใจนักท่องเที่ยวทั่วโลกเลยค่ะ ส่วนในปีหน้าฟ้าใหม่นี้จะมีที่เที่ยวใดน่าสนใจบ้างก็ต้องติดตามกันให้ดีนะคะ รับรองว่าเรามีที่เที่ยวเด็ด ๆ ที่พร้อมจะแนะนำเพื่อน ๆ อีกเพียบเลย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น