วันอังคารที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

10 เคล็ดลับเรียนเก่ง ง่ายๆ

10 เคล็ดลับเรียนเก่ง ง่ายๆ

www.tewfree.com


เคล็ดลับเรียนเก่ง

1. คนเรียนเก่ง แบ่งเวลาเป็น

เคล็ดลับข้อแรก ถึงแม้ว่าเราจะชอบเล่นเกมส์ อ่านการ์ตูน เล่นกีฬา ดูหนัง ฟังเพลง ช้อปปิ้ง ฯลฯ ขอแค่เราแบ่งเวลาให้เป็น เวลาไหนเล่นก็เล่น เวลาไหนเรียนก็เรียน จะเล่นวันละกี่ชั่วโมงก็ได้ แต่ขอเจียดเวลามาเรียนนอกเหนือจากในห้องเรียนสักวันละ 30 นาที – 1 ชั่วโมงก็พอแล้ว (เสาร์-อาทิตย์ไม่ต้องก็ได้) ทำง่ายๆแต่ได้ผลชงัดนัก

2. คนเรียนเก่ง ทบทวนล่วงหน้า-หลังเรียน เข้าหัวไม่ต้องจำ

เชื่อว่าข้อนี้ถูกใจคนขี้เกียจจำไม่น้อย (นายติวฟรีเองก็ด้วย หึหึ) เคล็ดลับง่ายๆ อ่านล่วงหน้าก่อนเข้าห้องเรียนสัก 10-15 นาที อ่านผ่านๆแค่หัวข้อก็พอว่าวันนี้เราจะเรียนอะไรบ้าง พอตกเย็น ก็อ่านทบทวนผ่านๆอีกรอบว่าวันนี้เราเรียนอะไรไป วันต่อวัน มันจะเข้าไปอยู่ในหัวเองไม่ต้องออกแรงจำให้เมื่อย แถมทำบ่อยๆมันจะประติดประต่อกันเองทั้งเทอม โอ้ สบายเลย

3. คนเรียนเก่ง ไม่ผลัดวันประกันพรุ่ง

แม้หลายๆคนจะรู้อยู่ว่าดินพอกหางหมูไม่ดี แต่ก็เชื่อว่าทุกๆคนก็เคย หรือยังมีดินพอกหางหมูอยู่ทั้งนั้น นายติวฟรีเองเคยพอกนานถึงสองเดือนด้วยซ้ำ มันลำบากมากที่ต้องมาตามแก้ดินพอกหางหมู บางครั้งใช้เวลามากกว่าเดิม 3 เท่าบ้าง 4 เท่าบ้าง รู้งี้ทำซะเลยไม่ปล่อยให้พอกก็ดีหรอก T_T

4. คนเรียนเก่ง ไม่เรียนอัดก่อนสอบ

ข้อนี้ตามสองข้อที่แล้วมาติดๆ ถ้าน้องปล่อยพอกไว้ตั้งแต่ต้นเทอม ยันปลายเทอม แล้วมาอัดอ่านทีเดียวก่อนสอบ มันจะไม่ทันเอา หลายเรื่อง หลายวิชา ถ้าใครเคยเรียนอัดก่อนสอบคงรู้ดี (นายติวฟรีก็เคยทำ) ว่า อ่านบทแรกก็ยังโออยู่ แต่พออ่านบทสอง ดั๊นลืมบทแรก พออ่านบทสาม ดั๊นลืมบทสอง ฯลฯ แบบนี้เรียกว่า ได้หน้าลืมหลัง มาดูตัวอย่างสดๆกันตรงนี้เลย นายติวฟรีถามว่า เคล็ดลับข้อแรกคืออะไร (ห้ามย้อนกลับไปอ่านนะ) เชื่อว่าตอบไม่ได้กันเกินครึ่ง อิอิ จริงๆแล้วมันมีเหตุผลทางวิทยาศาสตร์สนับสนุนอยู่นะว่า สมองของคนเรา จะสามารถจดจำเรื่องราวต่างๆได้ดีโดยค่อยๆจดค่อยๆจำสะสมไปเรื่อยๆ ถ้ามาพยามจดจำในระยะเวลาสั้นๆมันจะไม่เข้าหัว ขนาดไอน์สไตน์ฉลาดเป็นกรด ก็ยังจำเยอะๆในเวลาสั้นๆไม่ไหวเลย

5. คนเรียนเก่ง ลงมือทำโจทย์ แบบฝึกหัด การบ้าน

น้องๆหลายคนมองข้ามการทำโจทย์และแบบฝึกหัดต่างๆไปโดยสิ้นเชิง แล้วกลับไปให้ความสำคัญกับการเรียนเนื้อหา หรือทฤษฎีต่างๆ หลายๆคนหนักข้อ แบบฝึกหัดข้อแรกที่ได้ทำคือในห้องสอบนั่นเอง แล้วมันจะทำได้ยังไง T_T พอออกมาจากห้องสอบก็น้ำตาตกในทำไม่เป็น นักฟุตบอลเก่งๆอย่างเมสซี่ เขามีความลับในความเก่งซ่อนอยู่ นั่นคือ เขาใช้เวลาเรียนทฤษฎีนิดเดียว เอาให้ได้ครบสักรอบสองรอบก็พอ แล้วใช้เวลาที่เหลือไปทุ่มเทให้กับการซ้อมในสนาม (ทำแบบฝีกหัด) อย่างหนักทุกวันๆ ถ้าอยากเรียนเก่งเหมือนเมสซี่เล่นบอลเก่ง เราก็ต้องขยันทำแบบฝึกหัดเยอะๆเข้าไว้ ^^

6. คนเรียนเก่ง ทำ mindmap เรียนรู้จากภาพใหญ่ไปภาพเล็ก

มันจะง่ายกว่าเยอะมากถ้าเรามองความสัมพันธ์ของเนื้อหาทั้งหมดโดยรวม ว่ามันเกี่ยวข้องกับอะไร แล้วมีหัวข้ออะไรบ้าง แต่ละหัวข้อเกี่ยวข้องกันอย่างไร อย่างการทำ mindmap นั้นช่วยได้มากๆ ที่สำคัญทำง่ายด้วย ไม่ต้องคิดว่ามันเป็นเรื่องยาก แค่มีกระดาษกะปากกา ก็สามารถทำเองได้แล้ว

7. คนเรียนเก่ง ทำสรุป/ช้อตโน้ตด้วยตัวเอง

การทำสรุปหรือช้อตโน้ตจะเป็นเสมือนการทบทวนและสรุปเนื้อหาด้วยตัวเอง น้องๆจะมีสรุปของเพื่อนที่เก่งๆก็ได้ แต่สำคัญคือ ให้ทำเวอร์ชันของตัวเองด้วย (เขียนสรุปจากสรุปของเพื่อนก็ได้นะ) แค่การทำก็เหมือนว่าได้ทบทวนไปแล้วรอบนึง ที่สำคัญคือ เมื่อตัวเองมาอ่านสรุปของตัวเองแล้วนั้น มันจะจำได้ชัดเจนมากกว่าการอ่านสรุปของคนอื่นมากๆ ยิ่งถ้าเขียนสรุปด้วยปากกาหลายสี วาดรุปน่ารักๆลงไป บางครั้งในห้องสอบ จำได้ด้วยแน่ะ ว่าตรงนี้เราสรุปด้วยปากกาสีอะไร วาดรูปอะไรลงไป

8. คนเรียนเก่ง ติวเป็นกลุ่มกับเพื่อน ผลัดกันถาม ผลัดกันตอบ

การอ่านคนเดียวบางครั้งเราก็มองข้ามเรื่องสำคัญบางเรื่องไป การจับกลุ่มกะเพื่อน ติว หรือผลัดกันถามตอบ ก่อนสอบ จะทำให้เราได้ในส่วนที่เรามองข้ามไป ถึงบางอ้อหลายจุด บางครั้งการจับกลุ่มถามตอบก่อนเข้าห้องสอบไม่กี่ชั่วโมงก็ทำให้เราจำอะไรดีๆได้มากกว่าที่คิดอีกนะ

9. มั่นใจในตัวเอง อย่าคิดว่าตัวเองไม่เก่งเรียนยังไงก็ไม่ได้

ข้อห้ามที่สำคัญมากๆ ห้ามคิดว่าตัวเองไม่เก่งแล้วไม่สามารถทำได้เด็ดขาด เด็กไม่เก่งก็มีวิธีเรียนดีของเด็กไม่เก่งเหมือนกัน ท้อได้แต่ห้ามยอมแพ้เด็ดขาด!

10. คนเรียนเก่ง ดูแลตัวเอง กินให้พอ นอนให้พอ

หลายๆคนคิดว่า นี่คือเคล็ดลับตรงไหนเนี่ย แต่ที่จริงแล้ว มันเป็นสุดยอดเคล็ดลับ ที่ทำให้น้องเก่งจากภายใน ร่างกายที่แข็งแรงสมบูรณ์ กินอิ่มนอนหลับ จะส่งผลให้ สมองปลอดโปร่งตามไปด้วย พอสมองปลอดโปร่ง จะแล่นมาก จำอะไรได้ง่ายกว่า เร็วกว่า เยอะกว่า ไม่ลองไม่รู้นะเออ

วันจันทร์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

คำคมภาษาอังกฤษดีๆ เเปลไทย: Don’t take other people’s criticism to heart

คำคมภาษาอังกฤษดีๆ เเปลไทย:  Don’t take other people’s criticism to heart


เรียนภาษาอังกฤษที่ Lingo 02.270.0249 


Don’t take other people’s criticism to heart.

Instead, Listen to what they are saying
And learn from it.
อย่าเก็บคำวิจารณ์ของคนอื่นมาใส่ใจ
แต่จงรับฟังและใช้มันพัฒนาตัวเองดีกว่า

แนะนำ 5 ค็อกเทลสูตรแมนๆ ที่สุภาพบุรุษทุกคนควรรู้จัก

แนะนำ 5 ค็อกเทลสูตรแมนๆ ที่สุภาพบุรุษทุกคนควรรู้จัก

http://www.dooddot.com/

classic-cocktails-every-man-should-know-dooddot-COVER
เวลาคุณออกไปดื่มสังสรรค์กับเพื่อนๆยามค่ำคืน ปกติคุณจะสั่งเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ชนิดใด? ถ้าให้เราเดา 99.99% จะต้องบอกว่าสั่งเบียร์ หรือตัวเลือกรองลงมาก็ต้องบอกว่าสั่งไวน์ เพราะถ้าเมื่อเอาเครื่องดื่มสองอย่างนี้ไปเที่ยบกับเครื่องดื่มอีกชนิดหนึ่งที่เรียกว่า “ค็อกเทล” คุณผู้ชายหลายๆคนคงรู้สึกเหมือนกันว่าเบียร์กับไวน์นั้นเลือกสั่งได้ง่ายและเซฟกว่า ในขณะที่พอเปิดดูเมนูค็อกเทลทีไร เป็นต้องเกิดอาการไม่แน่ใจว่าควรจะเลือกสั่งแก้วไหนดี เพราะมันช่างมีให้เลือกเยอะแยะเหลือเกิน แถมชื่อก็ยังแปลกๆอีกต่างหาก และหากคุณเป็นหนึ่งในจำนวนคุณผู้ชายที่มักจะลงเอยด้วยการสั่งค็อกเทลมาตรฐานเมนูเดิมๆ อย่าง Mojito, Mai Tai หรือถ้ายิ่งร้ายไปกว่านั้นดันชอบสั่ง Singapore Sling, Cosmopolitan หรือ Margarita ที่ล้วนแต่เป็นค็อกเทลสำหรับ “ผู้หญิง” (that’s a big no!) ขอบอกว่าถึงเวลาแล้วล่ะค่ะ ที่คุณต้องมาทำความรู้จักกับค็อกเทลแบบแมนๆทั้ง 5 ชนิดดังต่อไปนี้ เพื่อที่ครั้งต่อไปเวลาคุณไปนั่งดริ๊งค์ที่ค็อกเทลบาร์คุณจะได้ไม่เกิดอาการแป๊กอีกต่อไป และขอให้เชื่อเราเถอะว่า ในฐานะที่เป็นผู้หญิง เมื่อไหร่ที่สาวๆเห็นคุณมีแก้วค็อกเทลดังต่อไปนี้อยู่ในมือ ดีกรีความหล่อของคุณจะยิ่งเพิ่มมากขึ้นอีกหลายเท่าเลยล่ะ
classic-cocktails-every-man-should-know-dooddot-01
Old Fashioned
เริ่มกันที่ค็อกเทลอันเก่าแก่ ที่มีอายุมากกว่า 100 ปี กับ “Old Fashion” ค็อกเทลที่มีส่วนผสมสุดจะเบสิก แต่ว่ากันว่าการจะผสมกันให้ดีและอร่อยนั้นยากมาก ส่วนผสมก็มีน้ำตาล เหล้าบิตเตอร์ โซดา วิสกี้ เหล้าเบอร์เบิ้น และปิดท้ายด้วยส้มฝานเป็นแว่น บดให้พอหยาบเพื่อดึงกลิ่นหอมออกมา เสร็จแล้วเสิร์ฟในแก้วทรงกลมขนาดเตี้ย 6 – 8 ออนซ์ ที่มีชื่อเรียกว่าโอลด์ แฟชั่น ตามชื่อของเครื่องดื่มชนิดนี้ แล้วดื่มแบบ on the rocks หรือกับน้ำแข็งนั่นเอง เวลาดื่มค็อกเทลตัวนี้ แนะนำว่าให้ลองสวมวิญญาณเป็น Don Draper จากเรื่อง Mad Men (พระเอกในเรื่องที่มีค็อกเทลคู่ใจคือ Old Fashion) แล้วคุณจะรู้สึกหล่อที่สุดในร้านขึ้นมาทันที
classic-cocktails-every-man-should-know-dooddot-02
Manhattan
ค็อกเทลชนิดนี้ถือเป็นตำนานซิกเนเจอร์ ดริงค์ของอเมริกา ที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก ว่ากันว่า Manhattan ได้ถูกคิดค้นขึ้นครั้งแรกที่แมนฮัตตันคลับ นิวยอร์ค โดยเลดี้แรนดอล์ฟ เชอร์ชิล แม่ของเซอร์ วินสตัน เชอร์ชิล อดีตนายกรัฐมนตรีแห่งประเทศอังกฤษ เพื่อร่วมฉลองในโอกาสที่ แซมมวล เจ. ทิลเดน ชนะการเลือกตั้งเป็นผู้ว่าการรัฐนิวยอร์ก ค็อกเทลสูตรนี้มีส่วนผสมที่ง่ายๆแต่รสชาติออกซับซ้อน มีรสแรงเข้มข้น นุ่มกลมกล่อม มีกลิ่นหอม ออกหวานนิดๆ ปัจจุบัน Manhattan ส่วนใหญ่จะใช้เหล้าเบอร์เบิ้น แต่สูตรแท้ดั้งเดิมต้องใช้ไรย์วิสกี้ (rye whiskey) หรือวิสกี้ที่ทำจากข้าวไรย์ แล้วก็มี sweet vermouth กับ bitter ตบท้ายด้วยการตกแต่งด้วยเชอรี่ เสิร์ฟในแก้วมาร์ตินี่
classic-cocktails-every-man-should-know-dooddot-03
Tom Collins
“Tom Collins” เป็นอีกหนึ่งค็อกเทลสุดคลาสสิคที่มีต้นกำเนิดในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ มีอายุเก่าแก่พอๆกับสองค็อกเทลก่อนหน้า ค็อกเทลชนิดนี้จะเสิร์ฟในแก้วทรงสูงที่เรียกว่า highball glass หรือ Collins glass ซึ่งส่วนผสมก็ได้แก่ดราย จิน (dry gin) น้ำมะนาว น้ำเชื่อม โซดา ปิดท้ายด้วยส้มฝาน และลูกเชอร์รี่ รสชาติจะออกเปรี้ยวซ่านิดๆ หวานหน่อยๆ ดื่มแล้วรู้สึกสดชื่น  ดับกระหายในหน้าร้อนอบอ้าวแบบบ้านเราได้เป็นอย่างดี
classic-cocktails-every-man-should-know-dooddot-04
Sidecar
สูตรของ “Sidecar” นั้นมีให้เห็นกันในตำราครั้งแรกในปี 1922 ซึ่งว่ากันว่าถูกคิดค้นสูตรโดยทหารอเมริกันคนหนึ่งในกรุงปารีสในช่วงสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ส่วนชื่อแมนๆนี้ก็ได้มาจากรถมอเตอร์ไซค์แบบสมัยก่อน ที่มีที่นั่งด้านข้างที่เรียกว่า sidecar นั่นเอง ค็อกเทลชนิดนี้เป็นที่นิยมอย่างมากในฝรั่งเศส มีส่วนผสมของ Remy Martin Cognac, Cointreau ผลเลมอน น้ำมะนาว และน้ำตาล โดยสัดส่วนของการผสมก็จะแตกต่างกันไปตามสูตรของฝรั่งเศส และอังกฤษ ดื่มแล้วจะรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า เหมาะแก่การดื่มยามเย็นให้หายเหนื่อยจากการทำงานมาทั้งวัน
classic-cocktails-every-man-should-know-dooddot-05
Martini
สุดท้าย กับ “Martini” ค็อกเทลชื่อดังที่ถือกำเนิดขึ้นในปี 1860 ที่สหรัฐอเมริกา ค็อกเทลชนิดนี้ค่อนข้างมีความเข้มข้น เพราะเป็นเครื่องดื่มที่เน้นเหล้าเป็นพิเศษ ค่อนข้างแรง สูตรดั้งเดิมจะใช้เหล้าไวท์สปิริตผสมกับเหล้าเวอร์มูธ ดื่มแล้วจะสัมผัสได้ถึงความสุขุม ลุ่มลึก ใส่ในแก้วมาร์ตินี่ ตกแต่งด้วยมะกอกดอง หรือหอมดอง ความพิเศษของค็อกเทลชนิดนี้ก็คือมีหลากหลายสูตรให้เลือกดื่มมากๆ ไม่ว่าจะเป็น Vodka Martini, Dry Martini, Tequila Martini หรือ Rum Martini เป็นต้น ส่วนจะดื่มแบบ stirred ที่มีการคน หรือจะแบบ James Bond ที่ชอบให้ Martini ของเขาเป็นแบบ “shaken, not stirred” ก็แล้วแต่คุณจะชอบเลย

วันอาทิตย์ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

17 Fun Works of Art Inspired by Ice Cream

17 Fun Works of Art Inspired by Ice Cream

www.mymodernmet.com

Since ice cream is the ultimate go-to indulgence in sweet, comfort food, it's no wonder that this delectable dessert has its own national holiday. (Here in the US, National Ice Cream Day falls on the third Sunday of July, making July 19th the perfect cheat day.) This should also make it no surprise that countless creatives have turned to the creamy, frozen treat for inspiration. After all, with its smooth texture, crunchy cone, and decadent toppings, ice cream acts as the perfect muse. (Especially with sprinkles and a cherry on top!)
In honor of this prestigious (and delicious) holiday, we've compiled a list of the best ice cream art that we could find. From floral arrangements to sculptures by the sea to artwork that was painted with actual ice cream, we've covered it all! Though each piece is unique, every artist perfectly captures the magnificence of our central theme—the delightfully inspiring aura of ice cream.
Now, enjoy the summer-approved, visual treats below! And, Happy National Ice Cream Day!
"Going, Going...Gone" by Stuart Cilpston, sculpture by the sea.


"Floral Scoops" by Parker Fitzgerald and Amy Merrick, photograph.


"Treats in the Streets" by Jim Bachor, pothole filled with tile.


By Othman Toma, painted with ice cream.


"Ice Cream Cone" and "HF Sundae II" by Ed Bing Lee, macrame.


"Enjoy it...while it lasts" by Tim Berg and Rebekah Meyers, installation.


"Neapolitan Sandwich" by Michael Massaia, photograph.


"Dropped Cone" by Claes Oldenburg and Coosje van Bruggen, sculpture.


By Rudy Kistler, 3D chalk art.


"Cone Lamp (Chocolate + Sprinkles Edition)" by Alex Garnett, lighting accessories.



"Creamsicle" by Oriana Kacicek, oil on panel.


"Hot With A Chance Of A Late Storm" by The Glue Society, sculpture by the sea.


"Rainbow Ice Cream" by Tiger Tomato, pancake art.
"Ice Cream (Flats + Heels)" by Chris Campbell, shoe art.


"Paper Food" by Charlotte Smith, paper ice cream.


"Ice cream" by Mitt Roshin, digital illustration.



วันเสาร์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

แนะนำ 5 เทคนิคออกเสียงภาษาอังกฤษให้เป๊ะสุดๆ

แนะนำ 5 เทคนิคออกเสียงภาษาอังกฤษให้เป๊ะสุดๆ

www.dailyenglish.in.th


การพูดภาษาอังกฤษให้คล่องเป็นสิ่งที่คนไทยหลายๆคนพยายามฝึกฝนมาโดยตลอด แต่การที่เราจะพูดภาษาอังกฤษได้นั้นต้องอาศัยการฝึกออกเสียงภาษาอังกฤษให้ได้เสียก่อน ปัญหาคือ คำศัพท์ภาษาอังกฤษมีทั้งหมดประมาณ 1 ล้านกว่าคำ แล้วจะจำวิธีออกเสียงให้หมดได้ยังไงล่ะ?
ง่ายมากเลยครับ ในจำนวนนี้ มีไม่น้อยเลยที่ลงท้ายด้วย prefix และ suffix ต่างๆ ถ้าเราออกเสียงคำขึ้นต้น/ ลงท้ายเหล่านี้ได้ถูกต้อง ก็จะเป็นเหมือนแม่แบบที่เอาไปใช้ได้กับคำศัพท์มากมายเลยทีเดียว ผมเอา suffix ยอดนิยมที่เรามักจะอ่านออกเสียงผิดบ่อยๆมาฝากครับ
1. คำที่ลงท้ายด้วย -tion
ออกเสียงถูก เฉิ่น
ออกเสียงผิด ชั่น
ยกตัวอย่างเช่น nation มองปุ๊บสัญชาตญาณบอกให้เราอ่านว่า “เนชั่น” ทันที แต่ถ้าจะออกเสียงให้เหมือนคุณฝรั่งทั้งหลาย…ก็ให้อ่านว่า “เนเฉิ่น”
2. คำที่ลงท้ายด้วย -ing
ออกเสียงถูก อิ่ง
ออกเสียงผิด อิ้ง
อย่างคำว่า working จริงๆแล้วต้องอ่านว่า “เวิร์คคิ่ง” ไม่ใช่ “เวิร์คกิ้ง” 
3. คำที่ลงท้ายด้วย -ment
ออกเสียงถูก เหม่นท์
ออกเสียงผิด เม้นท์
คำยอดนิยมอย่าง comment มีแต่คนอ่านว่า คอมเม้นๆๆ ทั้งนั้น กับคนไทยโอเค เข้าใจกัน แต่ถ้าอยากออกเสียงแบบสำเนียงฝรั่งก็ให้อ่านว่า “คอม-เหม่นท์” นะครับ
4. คำที่ลงท้ายด้วย -er/-or
ออกเสียงถูก เอ่อ
ออกเสียงผิด เอ้อ, อ้อ
เช่นคำว่า teacher เราพูดกันอย่างติดปากว่า “ทีชเช่อ” แต่จริงๆแล้วต้องอ่านว่า “ทีชเฉ่อะ”
5. คำที่ลงท้ายด้วย -ty -ly -ry
ออกเสียงถูก ถี่ หลี่ หรี่
ออกเสียงผิด ตี้ ลี่ รี่


วันศุกร์ที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

เรียนภาษาอังกฤษตัวต่อตัว ออกแบบคลาสได้เอง

    เรียนภาษาอังกฤษตัวต่อตัว ออกแบบคลาสได้เอง 


    เรียนภาษาอังกฤษที่ Lingo 086-339-1017


English Private Course

หลักสูตรเรียนภาษาอังกฤษ แบบตัวต่อตัว 1:1 หรือจัดกลุ่มเพื่อนที่สนใจตรงกันมาเรียน (กลุ่มละ 2-5 คน)  เรียนกับอาจารย์เจ้าของภาษาหรืออาจารย์ชาวไทยที่มีคุณวุฒิและประสบการณ์
ด้วยหลักสูตร Customized Course จัดหลักสูตรให้แบบเฉพาะตัวผู้เรียน ตามระดับความรู้ หรือสามารถ จัดหลักสูตรที่ต้องการเรียนได้  เช่น
  • English Conversation
  • Writing
  • Grammar
  • Listening
  • Exam
  • Business English
  • Job/University Interview
  • E-mail & Telephoning
  • Kid English
  • Phonics Skill
         ด้วยการรวมบทเรียนผสมผสาน กับบทเรียนในห้องเรียนและการเรียนภาษาอังกฤษรายบุคคล
เปิดโอกาสให้ผู้เรียนเข้าถึงบทเรียน ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

หลักสูตรนี้เหมาะสำหรับ  
         ผู้ที่ต้องการศึกษาภาษาอังกฤษ ในรูปแบบที่คุณสามารถกำหนดได้เองตามความต้องการ

วันและเวลาเรียน
  • ระยะเวลาเรียน สามารถเลือกลงชั่งโมงเรียน 30-60-90-120 ชั่งโมง
  • สามารถกำหนดวันและเวลาตามที่ผู้เรียนต้องการได้
  • เรียนครั้งละ 2-3 ชั่วโมง
  • “Think in English!”


    Email: learn@lingothailand.com
    Phone: +66 2 270 0249 or +66 86 339 1017
    Facebook: www.facebook.com/englishlingothailand
    Twitter: @lingothailand
    Instagram: lingothailand