10 วิธีบำบัดความเครียดจากการทำงานในออฟฟิศ
www.beautifulstarthere.com
www.beautifulstarthere.com
หนุ่มสาวออฟฟิศที่ออกจากบ้านไปทำงานแต่เช้าและกลับเข้ามาบ้านหลังจากเลิกงานอย่างอ่อนล้า พวกเขามักมาพร้อมสภาพหน้าตาและร่างกายที่อิดโรยกันเสียส่วนใหญ่ นอกจากการทำงานที่อาจมาพร้อมปัญหาต่างๆ แล้ว ปัญหาเหล่านั้นยังพ่วงมาพร้อมภาวะความเครียดอีกด้วย ดังนั้น เราจะปล่อยเอาไว้คงไม่ได้แล้วล่ะ วันนี้เรามีวิธีรับมือปัญหาความเครียดจากการทำงานด้วย 10 วิธีบำบัดความเครียดจากการทำงานในออฟฟิศมาแนะนำคุณให้ได้ทำตามดังนี้ว
1. ควรดื่มกาแฟอย่างพอดีหลังจากดื่มกาแฟแก้วแรกไปแล้ว หากคุณต้องการเพิ่มพลังความสดชื่นให้แก่สมองและร่างกาย แนะนำว่าควรงดดื่มกาแฟแก้วที่ 2 เพราะการดื่มกาแฟที่เหมาะสมกับสุขภาพ เราควรดื่มเพียงวันละ 1 แก้วเท่านั้น แต่หากคุณดื่มแก้วที่ 2 ล่ะก็ คาเฟอีนจะทำให้หัวใจเต้นเร็วขึ้น 16 ครั้ง/นาที ก่อให้เกิดอาการใจสั่นและเพิ่มความกังวลให้ตัวเองตามมาได้มากขึ้น
2. ผ่อนคลายกับมุมสงบเพื่อฟังเพลงเบาๆลองหามุมสงบเงียบเพื่อฟังเพลงแบบผ่อนคลายเบาๆ แนะนำให้หาเสียงดนตรีแบบธรรมชาติ เช่น เสียงนกร้อง เสียงน้ำตกและเสียงคลื่นทะเลมาฟังก็ไดค่ะ เสียงเพลงดนตรีบำบัดเหล่านี้จะช่วยสร้างสมาธิทำให้คุณมีพลังสดใสอีกครั้ง
3. ผ่อนคลายด้วยการหลับตาการหลับตาผ่อนคลายเป็นวิธีการง่ายๆ ที่ช่วยเรียกพลังและแรงใจให้คืนกลับสู่สมองและร่างกายของคุณอีกครั้ง อาจจะเป็นการนั่งหลับตาทำสมาธิบนเก้าอี้ทำงาน โดยใช้เวลาฝึกจิตให้เกิดสมาธิเพียงครั้งละ 10-15 นาที หมั่นทำเช่นนี้บ่อยๆ อย่างน้อยเช้า-เย็น รับรองคุณจะหายเหนื่อยล้าและมีสมาธิจดจ่อกับการทำงานมากขึ้นมายมายทีเดียว
4. เปลี่ยนอิริยาบถด้วยการลุกเดินบ้าง
นอกจากการนั่งทำงานอยู่แต่กับที่ในท่าเดิมๆ แล้ว อาจจะทำให้คุณเบื่อและเหนื่อยล้ากับงานที่อยู่ตรงหน้าได้อย่างง่ายๆ แนะนำให้ลุกเดินไปมาบ้างหรือออกไปมองสิ่งที่อยู่รอบตัวนอกหน้าต่างหรือทำอะไรอย่างอื่น เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจให้หลงลืมความเครียดจากโต๊ะทำงาน เมื่อกลับเข้ามานั่งทำงานอีกครั้ง คุณจะรู้สึกสดชื่นและอาจได้ไอเดียงานใหม่ๆ มากขึ้นก็เป็นได้
นอกจากการนั่งทำงานอยู่แต่กับที่ในท่าเดิมๆ แล้ว อาจจะทำให้คุณเบื่อและเหนื่อยล้ากับงานที่อยู่ตรงหน้าได้อย่างง่ายๆ แนะนำให้ลุกเดินไปมาบ้างหรือออกไปมองสิ่งที่อยู่รอบตัวนอกหน้าต่างหรือทำอะไรอย่างอื่น เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจให้หลงลืมความเครียดจากโต๊ะทำงาน เมื่อกลับเข้ามานั่งทำงานอีกครั้ง คุณจะรู้สึกสดชื่นและอาจได้ไอเดียงานใหม่ๆ มากขึ้นก็เป็นได้
5. ใช้กลิ่นหอมบำบัดสภาพจิตใจ
น้ำมันหอมระเหยเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่คุณควรพกพาติดตัวไปใช้ในที่ทำงานด้วย เพราะกลิ่นหอมของดอกไม้นานาพันธุ์ต่างๆ จะช่วยกระตุ้นระบบประสาทให้ตื่นตัว เกิดความสดชื่น กระปรี้ประเปร่าและยังกระตุ้นพลังงานในใจของคุณให้กลับมาทำงานอีกครั้งได้อย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับกลิ่นที่แนะนำคือ มะลิ กุหลาบ ส้ม มะนาวและลาเวนเดอร์
น้ำมันหอมระเหยเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่คุณควรพกพาติดตัวไปใช้ในที่ทำงานด้วย เพราะกลิ่นหอมของดอกไม้นานาพันธุ์ต่างๆ จะช่วยกระตุ้นระบบประสาทให้ตื่นตัว เกิดความสดชื่น กระปรี้ประเปร่าและยังกระตุ้นพลังงานในใจของคุณให้กลับมาทำงานอีกครั้งได้อย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับกลิ่นที่แนะนำคือ มะลิ กุหลาบ ส้ม มะนาวและลาเวนเดอร์
6. หนังสือเล่มโปรดช่วยได้
การอ่านนอกจากเป็นการเติมความรู้ให้เราได้แล้ว การที่เรามีหนังสือเล่มโปรดมาไว้อ่านอยู่เสมออาจจะทำให้เราได้ผ่อนคลายกับโลกการอ่านในแบบที่เราชื่นชอบ เพราะการละเลียดสายตาอ่านเรื่องที่คุณสนใจย่อมเป็นการผ่อนคลายช่วงเวลาตึงเครียดกับงานได้ดีเช่นกัน และหากคุณกำลังมีปัญหาเรื่องการทำงาน หลายครั้งที่คุณกำลังคิดท้อแท้ ลองหาหนังสือดีๆ ที่ช่วยปลุกแรงใจการใช้ชีวิตมาวางไว้ใกล้มือสิคะ ในยามที่ท้อแท้กับงานเมื่อไรก็หยิบขึ้นมาอ่านสักบท รับรองงานนี้คุณจะมีพลังใจสู้งานอีกมากโขเลยทีเดียว
การอ่านนอกจากเป็นการเติมความรู้ให้เราได้แล้ว การที่เรามีหนังสือเล่มโปรดมาไว้อ่านอยู่เสมออาจจะทำให้เราได้ผ่อนคลายกับโลกการอ่านในแบบที่เราชื่นชอบ เพราะการละเลียดสายตาอ่านเรื่องที่คุณสนใจย่อมเป็นการผ่อนคลายช่วงเวลาตึงเครียดกับงานได้ดีเช่นกัน และหากคุณกำลังมีปัญหาเรื่องการทำงาน หลายครั้งที่คุณกำลังคิดท้อแท้ ลองหาหนังสือดีๆ ที่ช่วยปลุกแรงใจการใช้ชีวิตมาวางไว้ใกล้มือสิคะ ในยามที่ท้อแท้กับงานเมื่อไรก็หยิบขึ้นมาอ่านสักบท รับรองงานนี้คุณจะมีพลังใจสู้งานอีกมากโขเลยทีเดียว
7. ทอดสายตามองธรรมชาติรอบตัวไกลๆนับว่าเป็นเรื่องที่ดีหากว่าออฟฟิศของคุณอยู่บนตึกสูงซึ่งไม่ยากที่คุณจะได้ลุกเดินออกมาสัมผัสหรือทอดสายตามองออกไปยังท้องฟ้ากว้างไกลๆ การที่ได้มองวิวทิวทัศน์สวยๆ รอบตัว จัดว่าเป็นการเติมเต็มพลังให้ชีวิต ทำให้คุณรู้สึกดีและเกิดความผ่อนคลายมากยิ่งขึ้น
8. คุยกับเพื่อนร่วมงานด้วยเรื่องราวขบขันในช่วงเวลาที่เรานั่งทำงานเครียดๆ ลองหาเวลาพักเบรคเดินไปพูดคุยกับเพื่อนร่วมงานด้วยการหยิบเอาเรื่องราวขบขันตลกๆ ขึ้นมาพูดคุยกันในวงสนทนา การที่คุณได้ระเบิดเสียงหัวเราะและยิ้มออกมาบ้าง จะช่วยบำบัดความเครียดได้เป็นอย่างดี สภาพจิตใจคุณจะดีขึ้น สมองปลอดโปร่งและกระตุ้นไอเดียหรือแนวคิดใหม่ๆ ให้กับการทำงานต่อไปได้มากขึ้น
9. รู้จักสร้างกำลังใจให้กับตัวเองในระหว่างวันที่ทำงานอาจจะมีบ้างที่เกิดความผิดพลาดซึ่งคุณเองก็ไม่ได้ตั้งใจให้มันเกิดขึ้น อาจมีบ้างที่คุณท้อแท้ แต่ทั้งนี้ ไม่ใช่เรื่องผิดแต่อย่างใดหรอก ทางแก้แนะนำให้คุณพยายามมองโลกในแง่ดีและรู้จักเสริมสร้างกำลังใจให้ตัวเองไปพร้อมกันเสมอ เหนื่อยล้าได้ ท้อแท้ได้แต่อย่ายอมแพ้กับอุปสรรคระหว่างทำงาน ดังนั้น การหมั่นพูดคุยเพื่อสร้างแรงใจให้กับตัวเองบ้างย่อมทำให้คุณรู้สึกดีขึ้นได้อย่างแท้จริง
10. มองโลกในแง่ดีเสมอการใช้ชีวิตของคนเราอาจจะมาพร้อมกับความทุกข์อยู่เสมอ คุณอาจจะมีปัญหาหลายอย่างประดังเข้ามาทำให้สภาพจิตใจรวน การวางแผนและการลงมือทำงานในระหว่างวันอาจจะไม่ได้ประสิทธิภาพตามเป้าที่วางแผนไว้ เนื่องจากความทุกข์หรือปัญหาต่างๆ ของชีวิตคุณมันบั่นทอนทุกๆ วันให้ใจเหนื่อยล้า ดังนั้น จงจำไว้ว่าชีวิตทุกคนล้วนต่างก็เผชิญกับความทุกข์และปัญหาต่างๆ เหล่านี้เช่นเดียวกัน ทางที่ดีอย่าปล่อยให้ตัวเองจมปลักกับความทุกข์เศร้าอีกต่อไปเลย หันมามองโลกในแง่ดีเอาไว้ การหมั่นมองโลกในแง่บวก สร้างมุมมองใหม่ๆ ให้ตัวเองรู้สึกยิ้มได้และทนสู้กับปัญหาต่อไปให้ได้ต่างหาก คือสิ่งที่ถูกต้องหรืออย่างน้อยอาจจะปรึกษาหรือพูดคุยกับเพื่อนร่วมงานที่สนิทสักคน โดยคนๆ นั้น เราต้องไว้วางใจเขาได้ด้วย และบางทีความปรารถนาดีจากการที่เขาได้เป็นผู้ฟังที่ดีอาจจะทำให้เราลดความกังวลใจออกไปได้ ทั้งยังทำให้เรารู้สึกสบายใจได้มากยิ่งขึ้น
การทำงานของคนออฟฟิศไม่ว่าจะสถานที่หรือองค์กรใดก็ตามล้วนมาพร้อมปัญหาระหว่างวันและทำให้เราเกิดความเครียดได้เสมอ ดังนั้น อย่าลืมนำ 10 วิธีบำบัดความเครียดจากการทำงานในออฟฟิศไปใช้กันบ่อยๆ นะคะ รับรองว่ามันจะเป็นอีกตัวช่วยหนึ่งที่ทำให้คุณทำงานได้อย่างสดชื่น กระปรี้กระเปร่าและส่งผลให้งานออกมาสำเร็จอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นพร้อมกันแน่นอน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น