10 นักธุรกิจที่สสร้างแรงบรรดาลใจ
credit: www.incquity.com
credit: www.incquity.com
Photo courtesy of Microsoft |
แน่นอนว่าเมื่อเราเอ่ยถึงผู้ประสบความสำเร็จวงการทำธุรกิจ ชื่อแรกที่วิ่งเข้ามาในความคิดของใครหลายคนคงต้องนึกถึงบิลล์ เกตส์ (Bill Gates) มหาเศรษฐีเจ้าของอาณาจักรไมโครซอฟท์ผู้ยิ่งใหญ่คนนี้เป็นแน่แท้ โดยเฉพาะเรื่องทรัพย์สินจำนวนมหาศาลของเขาที่ได้รับการกล่าวถึงเป็นอย่างมาก แต่เหนือสิ่งอื่นใดทรัพย์สมบัติดังกล่าวเกิดขึ้นจากการทำงานหนักและใช้สติปัญญาอันชาญฉลาดพร้อมแนวความคิดใหม่ๆ ในการดำเนินธุรกิจ ซึ่งเป็นแนวคิดทำธุรกิจง่ายๆ แต่ลึกซึ้งได้ใจความว่า “จะเกิดอะไรขึ้นถ้าคนเราทุกคนมีคอมพิวเตอร์ราคาถูกใช้กัน” นั่นเป็นเหตุให้หนุ่มน้อยบิลล์วัยเพียงยี่สิบกว่าๆ ออกตามล่าและสร้างความฝันให้เป็นจริง เขาตัดสินใจลาออกจากมหาวิทยาลัยทันที และจุดนั่นได้กลายเป็นปฐมบทความยิ่งใหญ่ฉากแรกของผู้ชายที่ชื่อบิลล์ เกตส์ที่ไม่ยอมปล่อยให้ความฝันเป็นเพียงแค่ความคิดแต่กลับลงมือทำให้เกิดขึ้นจริง บวกกับความเพียรพยายามศึกษาหาความรู้และทุมเทความสนใจในสิ่งที่ตนเองรักและชื่นชอบตั้งแต่เด็ก นอกจากนี้เขายังถือเป็นผู้ให้การสนับสนุนงานด้านการกุศลเพื่อสังคมที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของโลกคนหนึ่งด้วย นั่นจึงเป็นสิ่งที่น่าเอาเป็นเยี่ยงอย่างมากที่สุดสำหรับผู้ต้องการสร้างธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ
Photo courtesy of NYdailynews |
ชื่อนี้เป็นชื่อที่สามารถการันตีความสำเร็จในการทำธุรกิจของชายที่ชื่อวอร์เรน บัฟเฟตต์ได้เป็นอย่างดี เขาเป็นบุรุษที่เกิดก่อนสงครามโลก แต่กลับเป็นนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จในตลาดหลักทรัพย์ยุคดิจิตอล ปัจจุบันเขาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่และซีอีโอของบริษัท เบิร์กเชียร์ ฮาธาเวย์ และนักธุรกิจรุ่น GEN-Y สมควรต้องศึกษาแนวทางในการดำเนินธุรกิจของบัฟเฟตต์ในเรื่องการมีวิสัยทัศน์และความอดทนในการทำธุรกิจ เพราะทั้งสองสิ่งถือว่ามีความสำคัญมากหากอยากจะให้บริษัทของตนประสบความสำเร็จในแวดวงนี้ โดยบัฟเฟตต์ถือคติในการทำธุรกิจที่อาจแปลเป็นสุภาษิตไทยได้ว่า “ช้าๆ แต่ได้พร้าเล่มงาม” นั่นหมายถึงมีความอดทนในการทำธุรกิจ ไม่เร่งรีบหรือหักโหมมากเกินไปนัก ค่อยทำกำไรทีละเล็กทีละน้อยและสะสมมูลค่าไปเรื่อยๆ นอกจากนี้ในเรื่องการมีวิสัยทัศน์ในการทำธุรกิจเป็นสิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้ ควรมองหาโอกาสการลงทุนในธุรกิจซึ่งมีแนวโน้มในการสร้างกำไรระยะยาวมากกว่าที่จะมองธุรกิจที่ให้กำไรมากแต่เป็นเพียงแค่ภาพมายาและมีวงจรที่สั้นมาก และให้พยายามเดินสวนกระแสในบางครั้งหากมีโอกาส นอกจากนี้ปรัชญาการใช้ชีวิตที่สมถะของเขาก็เป็นสิ่งที่ควรนำมาเป็นตัวอย่างในการใช้ชีวิตของผู้ประกอบการธุรกิจรายใหม่ซึ่งไม่ควรทะเยอทะยานหรือตั้งเป้าหมายเกินตัวมากไป คำกล่าวอมตะของเขาคือ “ผมจะไม่พยายามกระโดดข้ามที่สูง 7 ฟุต แต่ผมจะมองหาคานไม้ที่สูง 1 ฟุตเพื่อให้ผมสามารถเดินข้ามได้อย่างสบายๆ”
Photo courtesy of ArcelorMittal |
รัศมี มิททาล หนุ่มใหญ่ชาวอินเดียวัย 57 ปี เป็นอีกหนึ่งบุคคลต้นแบบในการทำธุรกิจที่ชาวเอเชียภาคภูมิใจ รัศมีเข้ามาสานต่อการดำเนินงานธุรกิจเกี่ยวกับอุตสาหกรรมเหล็กของครอบครัวที่เริ่มแรกเป็นพียงบริษัทยักษ์ใหญ่ภายในอินเดียเท่านั้น แต่หลังจากที่เขาเข้ามาบริหารธุรกิจและกำหนดทิศทางให้กับบริษัทเสียใหม่โดยเน้นทำธุรกิจกับต่างประเทศมากขึ้น บริษัทก็ค่อยๆเติบโตกลายเป็นบริษัทข้ามชาติที่น่าเกรงขามจนดำเนินธุรกิจในกว่า 60 ประเทศ มีพนักงานมากกว่า 320,000 คน มีทรัพย์สินมากกว่า 4 หมื่นล้านเหรียญดอลลาห์สหรัฐ สิ่งที่ทำให้เขาประสบความสำเร็จคือการมีวิสัยทัศน์ที่ไม่ได้มองและจำกัดตัวเองแค่การทำธุรกิจแต่ในประเทศ แต่มองว่าทั้งโลกต่างหากคือตลาดที่แท้จริง และส่งออกเหล็กซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์หลักของบริษัทไปทั่วทุกมุมโลก นอกจากนี้รัศมียังเข้าซื้อธุรกิจชั้นนำทั้งในยุโรปและอเมริกาเพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจในเครือบริษัท เขาจึงเป็นชาวเอเชียผมสีดำที่ฝรั่งหัวทองให้ความเคารพมากที่สุดคนหนึ่งในแวดวงธุรกิจทั่วโลก
Photo courtesy of National Geographic |
ชื่อนี้เป็นอีกชื่อหนึ่งที่ผู้คนทั่วโลกต่างรู้จักกันดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีการสร้างภาพยนตร์เรื่อง The Aviator ซึ่งรับบทโดยลีโอนาร์โด ดิแคปริโอ และมีผู้กำกับยอดฝีมือระดับตำนานอย่างมาร์ติน สกอร์เซซี่ นั้นยิ่งทำให้ชื่อของฮาวเวิร์ด ฮิวจ์ได้รับความสนใจและน่าติดตามมากกว่าเดิมหลายเท่าตัวนัก ถึงแง่คิดในการทำธุรกิจที่พกพาความมั่นใจอันเต็มเปี่ยมจนบางครั้งอาจจะดูแปลกแยกอยู่สักหน่อยก็ตาม แต่สิ่งซึ่งสามารถนำมาใช้เป็นแรงบันดาลใจในการทำธุรกิจอันเกิดจากการศึกษาชีวิตฮิวจ์ได้คือเรื่องความพยายามทุ่มเทในการทำธุรกิจซึ่งไม่ว่าเขาจะสนใจในเรื่องใดก็ตาม เขาจะทำธุรกิจด้วยความทุ่มเทและใส่ใจทุกรายละเอียดจนกว่างานนั้นจะสำเร็จเสร็จสิ้น แม้ว่าต้องฝ่าฟันอุปสรรคมากมายขนาดไหนก็ตาม เขาเป็นอีกผู้หนึ่งที่สามารถทำตามความฝันทุกเรื่องให้ประสบความสำเร็จได้ทุกอย่าง แม้บางสิ่งที่เขาทำจะเป็นเรื่องแปลกแยกและแตกต่างในความคิดของคนปกติทั่วไปก็ตาม
Photo courtesy of Business Week |
เขาผู้นี้คือซีอีโอที่ทุกองค์กรธุรกิจต่างต้องการคว้าตัวมาร่วมงานด้วย และคือขุนพลคนสำคัญผู้ปิดทองหลังพระอย่างแท้จริงในความสำเร็จอย่างท่วมท้นของบริษัทโตโยต้า มอเตอร์ อุตสาหกรรมรถยนต์รายที่สุดในโลกจากแดนอาทิตย์อุทัย วาตานาเบถือเป็นบุคคลที่น่าจับตามองมากที่สุดคนหนึ่งของสายงานการบริหาร เขาเติบโตมาจากตำแหน่งเล็กภายในบริษัทผ่านสายงานทุกระดับชั้นจนก้าวขึ้นมาสู่จุดสูงสุดภายในบริษัท สิ่งที่น่าศึกษาและควรนำมาเป็นตัวอย่างของวานาตาเบคือแนวความคิดและการดำเนินกลยุทธ์ ว่าเขามีวิธีการอย่างไรในการผลักดันให้โตโยต้าสามารถเป็นอันดับหนึ่งของวงการรถยนต์ได้ โดยแนวความคิดในการทำธุรกิจที่ควรให้ความสนใจเป็นพิเศษของเขาคือการลดต้นทุนบริษัทเพื่อให้ได้กำไรที่สูงขึ้นโดยไม่ไปกระทบกระเทือนต่อประสิทธิภาพและชื่อเสียงของบริษัท เป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการควรให้ความสนใจเป็นพิเศษเพื่อนำไปปรับใช้เข้ากับธุรกิจของตนเองในที่สุด
สำหรับอีก 5 บุคคลผู้สร้างแรงบันดาลใจในการทำธุรกิจสามารถติดตามได้ในตอนที่ 2
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น