วันศุกร์ที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2557

ทำอย่างไรให้ลูกมีความมั่นคงทางอารมณ์

ทำอย่างไรให้ลูกมีความมั่นคงทางอารมณ์



credit: www.theasianparent.com


พ่อแม่ทุกคนต้องการให้ลูกเป็นเด็กร่าเริงแจ่มใสมีความมั่นคงทางอารมณ์ แต่การที่พ่อแม่คอยปกป้องไม่ให้อะไรมากระทบกระเทือนจิตใจทำให้ลูกไม่รู้วิธีรับมือกับความผิดหวังที่อาจเกิดขึ้นเมื่อไหร่ก็ได้
boy look out window 578x383 สอนลูกให้มีความมั่นคงทางอารมณ์
สอนลูกให้มีความมั่นคงทางอารมณ์
พ่อแม่มีหน้าที่สอนลูกให้รู้ว่าเวลาที่รู้สึกแย่ ๆ จะรับมือกับมันอย่างไรให้ตัวเองรู้สึกดีขึ้น พ่อแม่เองต้องหาวิธีฝึกลูกให้มีความมั่นคงทางอารมณ์ให้ได้ ลองมาดูกันว่าคุณได้ทำตามขั้นตอนพวกนี้บ้างหรือเปล่า
รู้จักฟัง
ฟังให้รู้ถึงความรู้สึกที่แท้จริงของลูกว่าตอนนั้นเขารู้สึกแย่มากน้อยแค่ไหน การฟังอย่างเข้าใจจะช่วยเรื่องกำลังใจได้มาก ทำให้ลูกรู้สึกดีขึ้นพอที่จะรับมือกับช่วงเวลาที่เลวร้ายได้
ซักไซ้ไล่เลียง
เมื่อเข้าใจลูกก็ถึงตอนขุดคุ้ยหาสาเหตุที่แท้จริง พ่อแม่คงต้องฝึกตัวเองให้รู้จักถามเพื่อที่จะได้คำตอบที่ต้องการ ในที่สุดการถามจึงเป็นศิลปะอย่างหนึ่งโดยเฉพาะเวลาถามเด็ก ต้องทำให้เด็กไว้วางใจในตัวคุณและเปิดใจเล่าให้คุณฟังว่า จริง ๆ แล้วมันเกิดอะไรขึ้นและมันทำให้เขารู้สึกแย่อย่างไร
brother sister สอนลูกให้มีความมั่นคงทางอารมณ์
ให้ได้ระบายความในใจ
การได้ระบายความรู้สึกที่แท้จริงเป็นเหมือนการยกภูเขาออกจากอก ทำให้รู้สึกโล่ง การระบายความรู้สึกของเด็กอาจจะออกมาในรูปตัดพ้อต่อว่าหรือร้องไห้ก็ได้ ถ้าออกมาในการตัดพ้อต่อว่า ต้องพยายามจูงใจให้ใช้คำพูดที่ไม่ก้าวร้าว ที่จะช่วยให้เด็กอารมณ์เย็นลงและมีสติมากขึ้น ซึ่งจะเป็นผลดีต่อตัวเด็กเองเมื่อโตขึ้น
โอบกอด
การสัมผัสจากพ่อแม่ทำให้เด็กรู้สึกปลอดภัยและควบคุมตัวเองได้ดีขึ้น ถ้าเด็กยังเล็กอยู่ก็น่าจะใช้การโอบกอดให้เขารู้สึกดีขึ้น แต่ถ้าเป็นเด็กโตแล้วเขาอาจเขินอายที่จะให้พ่อแม่กอด ก็อาจจะใช้การโอบไหล่หรือจับมือให้กำลังใจก็ช่วยได้เช่นกัน
อย่าเห็นว่าไม่สำคัญ
อะไรก็ตามที่มากระทบกระเทือนจิตใจทำให้เด็กรู้สึกแย่ย่อมเป็นเรื่องสำคัญที่พ่อแม่ควรรับฟังอย่างเข้าใจและเห็นใจ เรื่องที่กระทบกระเทือนจิตใจเด็กส่วนใหญ่เป็นเรื่องที่ผู้ใหญ่เคยพบเห็นมานับครั้งไม่ถ้วนจนเป็นเรื่องปกติ แต่สำหรับเด็กมันอาจเป็นครั้งแรกและทำให้เสียความรู้สึกจนรับมือไม่ไหว การที่คุณไม่เห็นความสำคัญในเรื่องนี้ส่งผลเสียต่อจิตใจและจะห่างเหินจากพ่อแม่ในที่สุด สังเกตได้จากพฤติกรรมต่อไปนี้
  • ลูกไม่ระบายความรู้สึกตัวเองให้คุณรู้อีกต่อไป
  • ลูกคิดว่าตัวเขาไม่มีค่าในสายตาคุณ
  • การที่คุณไม่ให้ความสำคัญในเรื่องที่เขาพบเจอ ทำให้เขามีแผลในใจที่รักษาไม่หายไปจนโต
  • ทำให้เขาหาที่พึ่งจากคนนอกที่รับฟังเขาอย่างเข้าใจและเห็นใจ
ให้เขามีศักดิ์ศรีในตัวเอง
มีคำกล่าวอยู่เสมอว่าเด็ก ๆ ก็เหมือนผ้าขาวที่จะกลายเป็นสีอะไรก็ได้ ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมและคนที่เขาใกล้ชิดด้วย ถ้าคุณเป็นพ่อแม่ที่ไม่รักษาน้ำใจลูก ไม่ให้ความสำคัญกับลูก เท่ากับว่าคุณเป็นคนทำลายศักดิ์ศรีและคุณค่าในตัวลูกคุณเอง เด็กจะรู้สึกมีค่าและหยิ่งในศักดิ์ศรีของตัวเอง ก็ต่อเมื่อพ่อแม่ซึ่งเป็นคนที่ใกล้ชิดที่สุดทำให้เขารู้สึกว่าเป็นคนสำคัญ พ่อแม่ต้องบอกให้ลูกรู้ว่าในสายตาไม่มีใครในโลกที่มีจะค่ามากเท่าลูกอีกแล้ว
พ่อยกแม่ยก
พ่อแม่ต้องทำตัวเป็นพ่อยกแม่ยกหรือสาวกผู้ซื่อสัตย์ ให้ลูกมั่นใจได้ว่าพ่อแม่จะอยู่เคียงข้างเขาตลอดเวลา ไม่ว่าเขาจะทำอะไร ถูกหรือผิด ดีหรือไม่ดี คุณก็ยังรักเขาไม่มีเปลี่ยนแปลง พร้อมที่จะให้อภัยและชี้แนะให้เขาทำสิ่งที่ถูกต้องอยู่เสมอ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น