วันจันทร์ที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2558

15 ข้อคิดพลิกชีวิตให้เป็นบวก

15 ข้อคิดพลิกชีวิตให้เป็นบวก

www.ssballthai.in.th


1) การคิดบวกเพียงเล็ก ๆ น้อย ๆ ในตอนเช้าสามารถเปลี่ยนวันนั้นของคุณให้มีความสุขได้ การเริ่มต้นของวันที่มีประสิทธิภาพให้เริ่มต้นจากความดีใจที่วันนี้คุณลืมตาดูโลกได้อีกวัน สามารถหายใจเข้าออกได้ปรกติ ดีใจที่ยังมีรอยยิ้มในตอนเช้าและมีคนที่เรารักและรักเราอยู่เคียงข้าง

2) มีคนบอกว่าความสุขจะเกิดขึ้นได้ถ้าเราเลิกบ่นเกี่ยวกับปัญหาประจำวันและเริ่มขอบคุณกับปัญหาที่ไม่ได้เกิดขึ้นกับเรา ใช่แล้วครับมีปัญหาตั้งแยะที่ไม่เกิดกับเราเลยแค่นี้ก็ดีมากมายแล้ว ส่วนปัญหาที่เรามีก็ใช่ว่าคนอื่นจะไม่มีเหมือนกัน เราต้องเผชิญกับปัญหาของเราไปให้ได้ครับ

3) ปล่อยให้สถานการณ์เป็นอย่างที่มันเป็น อย่ามโนคิดนั่นคิดนี่ กลัวเกินเหตุ อะไรมันจะเกิดมันก็ต้องเกิดไปห่วงไปคิดทำไม แล้วถ้ามันไม่เกิดจริง ๆ เราคิดไปแล้วได้อะไร เสียเวลาไปเปล่าโดยใช่เหตุ

4) อย่าไปเปรียบเทียบความเป็นตัวของคุณ กับ ความเป็นอยู่ของคุณกับใครเลย เขามีดีกว่าก็ช่างเขา จงเปรียบเทียบตัวคุณเองวันนี้กับเมื่อวานนี้ มันต้องดีขึ้น คุณต้องมีเวอร์ชั่นของคุณใหม่ ๆ ออกมาในวันนี้และวันพรุ่งนี้มากขึ้น คุณถึงจะเติบโต คุณถึงจะก้าวกระโดด

5) คุณไม่สามารถรู้ได้หรอกว่าคุณจะเดินทางไปถึงจุดที่คุณอยากเป็นได้ที่ตรงไหน แต่ขอให้คุณรู้ว่าถ้าคุณมุ่งมั่นที่จะเดินตามทางความฝันของคุณในวันนี้ คุณก็จะไปถึงจุดที่ให้ความหมายในชีวิตของคุณในที่สุดอย่างแน่นอน ไม่ว่าที่นั้นจะเป็นที่ใดก็ตาม

6) อย่าล้มเลิกเพียงแค่คิดว่าวันนี้เป็นวันซวยของคุณ คุณไม่ได้ซวยทั้งชีวิต ทุกคนมีโอกาสทำผิดพลาดได้ในชีวิต และก้าวลุกขึ้นยืนหลังจากหกล้มลงกับพื้น จดจำและอย่าให้มันเกิดขึ้นอีก และถ้ามันเกิดอีกคราวนี้คุณไม่ต้องไปโทษใครแล้ว โทษตัวคุณเอง เพราะคราวนี้คุณเลือกแล้วว่าจะทำให้มันเกิดขึ้นซ้ำด้วยตนเอง

7) ไม่ว่าคุณจะอายุเท่าใรก็ตาม คุณไม่อ่อนวัยหรือแก่เกินไปที่จะสร้างความฝันของคุณให้เป็นจริง ใครที่คิดว่าตัวเองอายุน้อยเกินไป ก็ให้มองไปที่มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ผู้ก่อตั้งเฟซบุ๊ก ส่วนใครที่อายุมากเกินไป ก็ให้ไปมองผู้พันแซนเดอร์ส ผู้ก่อตั้ง KFC ที่เริ่มกิจการตอนที่แกเลยวัยเกษียณอายุไปแล้ว

8) คุณจะต้องเริ่มดำเนินชีวิตในวันนี้ได้แล้ว เพราะในขณะที่คุณมีโอกาสคุณต้องพร้อมที่ก้าวเดิน พร้อมที่จะเสี่ยงหกล้ม พร้อมที่จะเสี่ยงชนกับอะไรบางอย่างรอบตัวคุณ แต่ในบั้นปลายของคุณ คุณจะรู้ว่ามันคุ้มค่าที่ได้เห็นจุดหมายของคุณอยู่ตรงข้างหน้า อย่าเป็นคนที่ตายแล้ว แต่มีชีวิตไปวัน ๆ

9) จงขอบคุณอุปสรรคที่ผ่านพ้นไปแล้ว ที่กำลังเผชิญหน้า และที่ยังมาไม่ถึง เพราะมันจะทำให้คุณแข็งแรงขึ้นหลังจากผ่านพ้นมันไปที่ละเรื่อง ๆ การล้มแต่ละครั้งไม่ใช่ความล้มเหลวอย่างที่คุณคิด แต่มันคือบทเรียนหรือประสบการณ์อันมีค่าที่จะทำให้คุณสามารถก้าวไปข้างหน้าด้วยความเชื่อมั่นมากขึ้น ถ้าสิ่งนั้นคุณตั้งธงไว้แล้วว่ามันคือความฝันของคุณ ถ้าหากคุณล้มเลิกเมื่อไหร่นั่นแหละคุณล้มเหลวทันที

10) คุณไม่สามารถควบคุมสิ่งที่เกิดขึ้นและผลของมันได้ แต่คุณสามารถควบคุมทัศนคติรวมทั้งการตอบสนองของคุณกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นได้ จงมีความสุขกับการเลือกมองโลกในมุมที่สวยงามและคุณสามารถเปลี่ยนแปลงได้เท่านั้น

11) สิ่งเลวร้ายที่เกิดขึ้นในอดีต จง “ลืม” ผลแห่งความเลวร้ายนั้นไปเสีย เพื่อจะได้ไม่เสียอกเสียใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า จงก้าวผ่านมันไปให้จงได้ แต่จงจดจำ “เหตุ” แห่งความเลวร้ายนั้นไว้เป็นบทเรียนเพื่อจะได้ไม่เกิดเหตุการณ์นั้นซ้ำอีก

12) มีคนบอกว่า “เวลา” จะเป็นตัวกำหนดว่าใครคือคนที่คุณจะพบในชีวิตของคุณ “หัวใจ” จะเป็นตัวกำหนดว่าใครคือคนที่คุณต้องการหรือรักมากที่สุดในชีวิต และ “พฤติกรรม” ของคุณจะเป็นตัวกำหนดว่าใครคือคนที่จะอยู่กับคุณตลอดชีวิต จงเป็นตัวของตัวเองและพัฒนาตนเองให้ดีขึ้นตั้งแต่วันนี้ วันหนึ่งคนที่ใช่ก็จะออกมาพบกับคุณแน่นอน

13) เมื่อไรทึ่คุณรู้สึกเจ็บปวดที่จะก้าวเดินต่อไป ก็ขอให้ระลึกถึงความทุกข์ทรมานที่เกิดจากการรอคอยไว้ด้วย เพราะฉะนั้นอย่าอยู่เฉยหรือหยุดนิ่งอยู่กับที่ จงก้าวเดินไปข้างหน้าต่อไป

14) เมื่อไรที่มีคนบอกคุณว่าคุณทำไม่ได้ ขอให้ระลึกไว้ว่า เขาพูดถึงตัวคุณหรือข้อจำกัดที่เกิดขึ้นกับตัวเขากันแน่ นั่นไม่ใช่ตัวของคุณ เพราะฉะนั้นคุณจงพิสูจน์ให้เห็นว่า คุณทำได้ คุณกล้าที่จะเสี่ยง คุณพร้อมจะลงมือ ทำให้ดีที่สุด ถ้าสิ่งนั้นเป็นความฝันของคุณ สิ่งที่ยากเย็นที่สุดของชีวิตก็คือตัดสินใจว่า “จะเดินออกไปจากตรงนี้” หรือจะ “พยายามอย่างเต็มที่อีกสักครั้ง”

15) จงลงมือทำเดี๋ยวนี้ เพราะเมื่อไรที่เราใช้คำว่า “รอเดี๋ยวก่อน” อีกหน่อยมันจะกลายเป็นคำว่า “สายไปแล้ว” ในที่สุด จงอย่าฆ่าชีวิตของคุณโดยไม่จำเป็น เพราะโอกาสไม่ได้หากันง่าย ๆ จงมีความสุขเดี๋ยวนี้ อย่ารอ จงลงมือทำเดี๋ยวนี้ อย่ารอ จงรักใครสักคนเดี๋ยวนี้ อย่ารอ จงกอดพ่อแม่ปู่ย่าตายายที่เรารักเดี๋ยวนี้ อย่ารอ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น