วันพฤหัสบดีที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2557

ทราบหรือไม่ว่าประโยชน์ของสับปะรดมีอะไรบ้าง The ฺฺBenefits of Pineapple




วันนี้ admin ขอฝากเรื่องของสรรพคุณและประโยชน์ของสับปะรด มาดูกันซิว่าสับปะรดจะดีอย่างไรเเละช่วยรักษาโรคอะไรได้บ้าง

  สารอาหารที่อยู่ในสับปะรดมีประโยชน์จำนวนมาก และมีคุณค่าทางยาสูง มีสรรพคุณช่วยย่อยอาหารจำพวกเนื้อ เสริมการดูดซึมอาหาร ดับร้อนแก้กระหาย สับปะรดยังมีสารจำพวก น้ำตาล กรด วิตามิน อยู่หลายชนิด 


1. ช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรง รับประทานสับปะรดวันละหนึ่งชิ้นก็จะช่วยให้ร่างกายได้รับวิตามินซี ที่สำคัญคือวิตามินช่วยในการทำงานของเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน และยังช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรง เพื่อป้องกันไม่ให้ร่างกายติดเชื้อและต่อสู้กับเชื้อโรคต่างๆ การรับประทานสับปะรดวันละหนึ่งชิ้นจึงเป็นการเพิ่มแรงต้านทานโรคให้แก่ร่าง กายแต่ในผู้ที่มีเลือดจางไม่ควรกินมากนัก 
2. ช่วยในการย่อยอาหาร สับปะรดมีกากใยอาหารอาหารมากซึ่งมีความสำคัญกับการย่อยอาหาร และเป็นที่รู้กันอยู่ว่ากากใยอาหารช่วยลดคอเลสเตอรอล ควบคุมน้ำตาลในเส้นเลือดและช่วยลดความเสี่ยงของมะเร็งเพราะในสับปะรดมีเอนไซม์ตามธรรมชาติที่มีชื่อว่า “บรอมีเลน”สามารถช่วยย่อยอาหารได้ทั้งใสภาวะเป็นกรดและด่าง จึงเหมาะมากที่จะพาไปช่วยย่อยในกระเพาะซึ่งเป็นกรด หากกินสัปปะรดหลังอาหารเป็นประจำ จะช่วยในเรื่องของระบบขับถ่ายด้วยนะครับ (ใครที่กำลังอยากลดความอ้วนนี่ ผมคอนเฟริมเลยครับ ได้ผลดีจริงๆ ) 
3. ช่วยให้เลือดลมไหลเวียนดี สับปะรดมีสารแอนตี้ออกซิแดนท์ เช่น วิตามินซี เบต้าแคโรทีน และแมงกานีสที่จะช่วยป้องกันอันตรายจากอนุมูลอิสระที่จะทำลายโครงสร้างของ เซลล์ และอาจทำให้เป็นโรคหัวใจและอัมพฤกษ์ อัมพาต นอกจากนี้ สารแอนตี้ออกซิแดนท์ยังมีความสำคัญต่อระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายอีกด้วย
หลอดเลือด หลอดลมไหลเวียนดี
4. ป้องกันความเสี่ยงจากโรคมะเร็ง การรับประทานผักและผลไม้เป็นประจำและลดความเสี่ยงจากโรคมะเร็ง โดยเฉพาะมะเร็งกระเพาะอาหาร และมะเร็งเต้านม เพราะสับปะรด มีสารแอนตี้ออกซิแดนท์ที่ช่วยป้องกันการเติบโตของเซลล์ร้ายในปอด ป้องกันมะเร็งรังไข่ 5. ช่วยป้องกันโรคต่างๆ การรับประทานผักและผลไม้ให้ได้วันละ 5 กำมือจะช่วยลดการเสียชีวิตด้วยโรคเรื้อรังต่างๆ เช่น อัมพฤกษ์ อัมพาต หรือมะเร็งได้ถึง 20% อีกทั้งยังเสริมสร้างการดูดซึมอาหาร เพราะสับปะรดมีกรด และวิตามินหลายชนิดครับ 6. ช่วยให้เหงือกแข็งแรงสับปะรดช่วยให้สุขภาพในช่องปากแข็งแรง เนื่องจากสับปะรดมีวิตามินสูงที่จะช่วยป้องกันความเสี่ยงจากโรคเหงือกได้ 7. ช่วยยับยั้งการอักเสบ เอนไซม์ Bromelain ในสับปะรดจะช่วยยับยั้งการอักเสบ ทั้งนี้ ชาวอเมริกาใต้โบราณใช้สับปะรดเป็นยารักษาโรคผิวหนังและรักษาบาดแผล  
The Healing Benefits of Pineapple

สับปะรดดีต่อสุภาพสตรีและผู้ป่วย

สำหรับสุภาพสตรีที่มีอาการปวดประจำเดือน อาการอักเสบจากริดสีดวงทวาร หรือผู้ป่วยอาการที่เกี่ยวข้องกับเส้นเลือดดำ โรคกระดูก ข้ออักเสบ รูมาตอยด์ เก๊าท์ หากรับประทานสับปะรดเป็นประจำ จะช่วยบรรเทาอาการต่างๆเหล่านี้ได้ รวมไปถึงสมานแผลให้ทุเลาได้เร็วขึ้นด้วยครับ  

วิธีรับประทานสับปะรดให้ถูกต้อง

สำหรับการรับประทานที่ถูกวิธีนะครับ ให้ใช้มีดใหญ่เฉือนเปลือกออกจนหมด จากนั้นจึงใช้มีดตัดส่วนตาออกเป็นร่องเฉียงเป็นแถว ๆ เอาส่วนตาออกแล้วตัดเป็นชิ้น แล้วเอาเกลือแกงทาให้ทั่วหรือมิฉะนั้นก็แช่ในน้ำเกลืออ่อน ๆ ประมาณ 2-3 นาที การทาเกลือหรือแช่ในน้ำเกลือนอกจากจะทำให้รสชาติดีขึ้นแล้วยังเป็นการทำลายสารจำพวก Glycoalkaoid และเอ็มไซม์บางชนิด ซึ่งเป็นสารที่ทำให้เกิดอาการแพ้ได้หลังรับประทานครับ
ข้อแนะนำของสับปะรด
ถึงแม้ว่าสับปะรด จะเป็นผลไม้ที่เยี่ยมยอดเลยก็ว่าได้สำหรับเรานะครับ แต่หากรับประทานในปริมาณมากๆ อาจเป็นผลเสียต่อร่างกายได้ ควรรับประทานสับปะรด ควบคู่ไปกับการทานอาหาร และผักผลไม้อื่นๆ

  • The Bromelain enzyme is generally found in the stem or core of a pineapple and helps to digest food by breaking down the protein particles within it. Promoting a healthy digestive system, it’s great for a natural detox and has also been known for its anti-inflammatory and anti-clotting properties.
  • Pineapple is low in calories, sodium, saturated fats and cholesterol while being a rich source of fibre, so it’s the perfect weight loss food – have a look at our healthy pineapple recipes for some tasty and nutritious snack ideas.
  • An excellent source of Vitamin C and other antioxidants essential for collagen synthesis, Vitamin C also helps to maintain the integrity of your blood vessels, skin, organs and bones.
  • Increasing your daily intake of antioxidants is also great for boosting your immune system, which means you’ll be able to fight off colds and flus during winter.
  • Pineapple is also known for its high level of manganese. The Manganese mineral is an essential element for energy production, while protecting your cells from free radicals. It helps your body use key nutrients including thiamine and biotin, keeps your bones healthy and helps synthesise fatty foods.
  • Pineapple is also a rich source in Vitamin A and Beta-Carotene, which helps your immune system, eyesight and protects from free radicals; Vitamins B1 and B6 which are good for energy production and the breakdown of sugars and starches in your digestive system; copper, which helps red blood cell synthesis; and potassium, which assists in controlling the heart rate and blood pressure.
credit: สุขภาพไทยดอทคอม, kingoffruit, 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น