แอดมินเชื่อว่า ทีวีมีอิทธิพลต่อชีวิตประจำวัน เลยลองนำกระทู้ดีดี
ในการเลือกใช้และเลือกซื้อทีวีมาฝากกัน ^_^
ประเภทจอ ซึ่งมีหลายแบบ เช่น CRT, LCD TV, LED TV, Plasma TV
จอ Crt (Cathode Ray Tubes) จอทีวีหรือจอคอมพิวเตอร์ยุคเก่า จอโค้ง หลังตุง ใช้พื้นที่มาก ให้กำลังความสว่างของจอมากๆ ถ้ามองนานๆอาจแสบตาได้ มีมุมมองกว้าง ใช้งานตั้งแต่ยุคทีวีขาวดำ จนถึงทีวีสี แต่ปัจจุบันกำลังเลิกเป็นที่นิยม เพราะใช้พื้นที่มาก กินไฟเยอะ และ เพื่อไปซื้อจอที่ถนอมสายตากว่า ซึ่งปัจจุบันมีตัวเลือกมากมายเช่น จอ LCD , LED , Plasma TV
จอ LCD (Liquid Crystal Display) ใช้อย่างแพร่หลายมาก โดยแรกเริ่ม จอ LCD จะนิยมเป็นจอคอมพิวเตอร์ ซึ่งผลิตแบบจอบาง ไม่มีแบบหลังตุงแล้ว ระดับการแสดงผล ที่สบายตา ประหยัดพื้นที่ และกินไฟน้อยด้วย แต่การแสดงดีใช่ว่าจะแสดงผลภาพ ได้อย่างแม่นยำ โดยเฉพาะจอดำๆ จะเห็นบางอย่างที่แสงขาวสว่างอยู่ ชมได้องศาน้อยกว่า CRT เวลามองข้างๆจะมองไม่ชัด หน้าเราต้องตรงกับหน้าจอเท่านั้น แต่ตอนนี้ LCD เป็นมาตรฐานยอดนิยมของจอทีวีและจอคอมพิวเตอร์ไปแล้ว
จอ Plasma TV เป็นจอทีวีที่สามารถกำเนิดแสงได้เอง กล่าวคือ เพียงแค่ปล่อยแรงดันไฟเข้าไปกระตุ้นเม็ดพิกเซลก็จะส่องสว่างได้เอง ภาพคมชัดกว่า LCD และการแสดงผลภาพ เร็วๆได้ดีกว่า สามารถแสดงระดับพื้นสีดำได้ดีกว่า , มุมมองจอภาพที่กว้างกว่า LCD , การแสดงสีเป็นธรรมชาติ แต่ข้อเสียคือกินไฟ มีอาการ Burn In ได้ในบางช่วง และไม่สามารถชมทีวีชัดๆได้ในตอนเวลากลางวัน ต้องชมแบบที่มืดๆเวลากลางคืนเท่านั้น
LED TV (Light Emitting Diode) ออกมาทดแทนเทคโนโลยี LCD เป็นหลอดไฟขนาดจิ๋ว 3 สีคือ แดง เขียวและน้ำเงิน และแค่ 1 หลอดก็สามารถเปล่งแสงสีได้มากมายตามการผสมสีของแม่สีทั้งสาม ซึ่งเจ้าหลอด LED นี้มีคุณสมบัติพิเศษก็คือกินไฟน้อย แต่กลับให้สีสันที่ชัดเจนมีความสว่างสูง ให้สีดำที่ดำสนิท และมีอัตราการตอบสนองรวดเร็ว ข้อเสียมีแค่อย่างเดียวคือราคาแพง แต่เรื่องราคาแพงแต่ได้ด้วยภาพคุณภาพสูง LED จึงได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน โดย LED แบ่งได้เป็น 3 ประเภทย่อยคือ
EDGE LED ลักษณะคือคือจะวางหลอด LED ไว้เฉพาะขอบจอเท่านั้น บน ล่าง ซ้าย ขวา เพื่อยิงแสงเข้ามายังกลางจอทีวี จอจะมีความบางที่มากกว่า ทีวีจอบางทั่วๆ ไป และประหยัดไฟแน่นอน แต่การแสดงสีดำจะดำไม่สนิทเท่าไหร่
Full LED (Direct LED) หน้าจอทีวีจะมีหลอด LED วางอยู่เต็มแผงจอซึ่งจะให้ความคมชัด และความต่างสีของภาพจะเด็ดขาดกว่าแบบแรกเพราะสามารถทำ Local Dimming หรือการปิดสีแบบเป็นกลุ่มได้
RGB LED ปัจจุบัน LED ชนิดนี้จัดเป็นตัวท็อปของ LED เลยทีเดียว เพราะใช้หลอด LED แม่สีทั้ง 3 คือ RGB (แยก3หลอดๆ ละสี) มาเรียงๆ กันเป็นกลุ่ม ทำให้การแสดงผลภาพและสีชัดเจนมีมิติมากกว่าทุกแบบที่กล่าวมาและแน่นอนว่าแพงกว่าทุกแบบด้วยเช่นกันเนื่องจากต้นทุนที่สูงกว่า
หมวดประเภทคุณสมบัติทีวี ซึ่งเห็นชัดเจน 2 รูปแบบคือ Smart TV กับ ทีวี 3มิติ
ทีวี 3 มิติ 3D หรือ 3 Dimension คือทีวีที่สามารถเห็นในลักษณะมิติ “ตื้น ลึก หนา บาง ลอย” อย่างเห็นได้ชัดเจน ถ้าเปรียบเทียบกับภาพ 2 มิติจากทีวีธรรมดาซึ่งเป็นภาพ “แบนๆติดจอ” แล้ว ความสมจริงของภาพ 3 มิตินั้นจะมีมากกกว่า ซึ่งประโยชน์ที่ได้ก็คือ ความสมจริง และ อรรถรส ในการรับชมที่มากกว่า เหมือนเรากำลังอยู่ในเหตุการณ์นั้นจริงๆ แต่ทั้งนี้ก็ต้องใช้อุปกรณ์ช่วยในการชมทีวี 3 มิติ นั่นคือ แว่นชมทีวี 3 มิติ ข้อเสียคือ หากชมโดยไม่ใส่แว่นอาจทำให้เสียสายตาได้ และราคาสูงกว่าทีวีทั่วไป โดยรูปแบบการแสดงผลทีวีแบบ 3มิติ มี 3 แบบคือ
Anaglyphic 3D หรือ ภาพ 3 มิติแบบแว่น 2 สี (Passive) คือ ทีวีที่คุณสามารถชมภาพ 3มิติได้ ใช้แว่นสีน้ำเงิน แดง ที่เคยใช้ส่องกันในอดีต
Polarized 3D หรือ ภาพ 3 มิติแบบ “สลับเส้นเลขคู่เลขคี่” (3DPassive) ซึ่งหลักการทำงานของมันก็คือ เ ราจะต้องมี 3D TV แบบ Polarized และแว่นตาแบบ Polarized Glasses ซึ่งจะเห็นได้กับทีวีบางรุ่นที่เป็นแว่น3มิติแบบไม่ต้องใส่ถ่าน และโรงหนัง IMAX ก็ใช้เทคโนโลยีนี้ในการฉายหนังด้วย
Frame Sequential 3D: ส่งเฟรมภาพซ้าย-ขวาสลับกัน (3D Active) ให้ภาพที่มีมิติ และคมชัดสูงเต็มอรรถรถ โดยแว่นสามมิตินั้นต้องใส่ถ่านเพื่อทำงานร่วมกับทีวี3มิติ ที่แสดงผล 3D Activeอย่างลงตัว
Smart TV หรือทีวีอัจฉริยะ คอนเซปก็คล้ายๆกับสมาร์ทโฟน ที่มีแอพพลิเคชั่นมากมาย ฟังก์ชั่นที่ให้มากกว่าการโทร ส่งข้อความ เป็นการผนวกความสามารถของทีวี คอมพิวเตอร์ อินเตอร์เน็ต ไว้ในจอเดียวกัน สามารถรับชมสิ่งๆต่างนอกเหนือจากทีวีได้ เช่น เล่นเกม , ดูวีดีโอ youtube , โพส facebook twitter , คุยกับเพื่อนผ่านทาง Skype , อ่านข่าวบนเว็บไซต์ข่าวออนไลน์ผ่านทางทีวี พร้อมๆกับการรับชมรายการโทรทัศน์ปกติ และบางรุ่นจะรองรับการแสดงภาพแบบ 3มิติได้ด้วย โดยทีวีนี้จะต้องเชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ต บ้างก็เรียก smart tv เป็น Internet TV คาดว่า ทีวีแบบ สมาร์ททีวี ที่มาพร้อม 3มิติ นี้จะราคาแพงกว่าทีวีที่รองรับเฉพาะแสดงผล 3 มิติ หรือ มีแต่ Smart TV อย่างเดียว
ประเภทการรับสัญญาณโทรทัศน์
เปรียบเทียบความคมชัด Digital Tv กับ Analog
นอกจากปัจจัยเรื่องจอ และ การแสดงผลแล้ว ต้องมาคำนึงถึงระบบรับสัญญาณด้วย ซึ่งทีวีทั่วไปที่ตอนนี้รับสัญญาณกันคือ ระบบ Analogue แต่อีกไม่นานเรากำลังเปลี่ยนผ่านสู่ยุค Digital TV แล้ว โดยประเทศไทยจะใช้ ระบบDVB-T2 อันเป็นมาตรฐานใหม่ที่พัฒนามาจากแบบเดิม DVB-T ซึ่ง ทีวี ที่บอกว่าเป็น digital ทั้งหลายที่ขายมาก่อนหน้านี้ รวมถึงที่อยู่ที่บ้านของคุณผู้ชมด้วย ส่วนใหญ่แล้วเป็นคนละมาตรฐานกับ Digital TV ของไทย ที่กำลังจะประมูล
มีข่าวดีบ้างสำหรับผู้ที่คิดจะซื้อทีวีใหม่ เพราะเริ่มเห็นทีวีรุ่นใหม่ๆที่รองรับ DVB-T2 กันแล้วจาก 4 ยี่ห้อหลัก….
แต่ถ้าคุณยังใช้ทีวีแบบเดิมต่อไป ซึ่งไม่รองรับ DVB-T2 ก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะเราสามารถเอาทีวีเครื่องเก่า ไม่ว่าจะแบบใด มาต่อเข้ากับ Set-top box กล่องรับสัญญาณที่รองรับ DVB-T2 เพื่อรับชม Digital TV ได้ ส่วนใครที่ติดทีวีดาวเทียม ก็ยังสามารถรับชมได้ตามปกติ เคเบิ้ลด้วยก็เช่นกัน ยกเว้น ผู้ที่ติดเสาก้างปลา อาจต้องหันมาซื้อ กล่อง Set Top Box ที่ว่านี้มาใช้
รายละเอียดเพิ่มเติม สามารถอ่านบทความที่เกี่ยวข้องกับข้อมูล Digital TV หรือ ทีวี ดิจิตอล ได้ที่นี่
- รู้จักกับทีวีดิจิตอลในไทย ที่กำลังจะเริ่มเร็วๆนี้
- ทีวีดิจิตอล (ภาคพื้นดิน) ต่างจากทีวีดาวเทียมอย่างไร?
- เจาะลึก กสทช. กับแผนแนวทางบอร์ดกระจายเสียง สู่ยุค Digital TV
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น