สรุป Grammar ภาษาอังกฤษ: Tenses
www.siraekabut.com
Tense
ภาษาอังกฤษนั้นมีรูปแบบประโยคที่เรียกว่า Tense เอาไว้แสดงเวลาในกรณีต่างๆ กัน โดยจะทำให้ส่วนของ Verb นั้นเปลี่ยนรูปแบบไป (ซึ่ง verb ที่เปลี่ยนไปตาม Tense คือ Verb แท้ของประโยค) แบ่งเป็น 3 ประเภทเวลาใหญ่ๆ คือ
ปัจจุบัน Present = V1, อดีต Past = V2, อนาคต Future = Will + V
แต่ละเวลาจะแบ่งออกเป็น 3 รูปแบบย่อย คือ
Simple = V (รูปแบบอย่างง่าย), Continuous = be + Ving (กำลังทำ) , Perfect = Have + V3 (เกิดก่อนอีกอัน เวลาไม่สำคัญ)
- Present Tenseใช้สำหรับบอกเหตุการณ์ในปัจจุบัน
- Present Simple = ใช้บอกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นประจำ เป็นจริงเสมอ = รูปแบบ คือ S + V1 (ผันตามประธาน) เช่น He watches TV everyday.
- Present Continuous = ใช้บอกเหตการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน = S + is/am/are + Ving [be ผสมกับ V1 ได้ is/am/are] เช่น I am doing my homework.
- Present Perfect = ใช้บอกว่าได้ทำเหตุการณ์ไปแล้วก่อนหน้านี้ โดยไม่ต้องระบเวลาที่แน่นอน(รู้แค่ทำไปแล้ว เวลาไม่สำคัญ) = S + has/have +V3 [เนื่องจาก V1 ผสม have ได้ has/have ] เช่น I have alreadyseen that movie.
- Past Tenseใช้สำหรับบอกเหตุการณ์ในอดีต
- Past Simple = ใช้บอกเหตุการณในอดีต ที่เกิดแล้วจบในอดีต มักระบุเวลาที่เจาะจงในอดีต = รูปแบบ คือ S + V2 เช่น I walked to school yesterday.
- Past Continuous = ใช้บอกเหตการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในอดีต (มักใช้คู่กับ Past Simple) = S +was/were + Ving [be ผสม V2 ได้ was/were] เช่น He was sleeping when I arrived.
- Past Perfect = ได้ทำเหตุการณ์ไปแล้วก่อนหน้าจะเกิดเหตุการณ์ในอดีตอีกอันหนึ่ง (จึงมักใช้คู่กับ Past Simple Tense) = S + had +V3 [เนื่องจาก V2 ผสม Have ได้ Had ] เช่น I had already eaten when they arrived.
- Future Tenseใช้สำหรับบอกเหตุการณ์ในอนาคต
- Future Simple = ใช้บอกเหตุการณ์ในอนาคต = รูปแบบ คือ S + will + V1 เช่น It will snow tomorrow.
- Future Continuous = ใช้บอกเหตการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในอนาคต = S +will + be + Ving เช่น He will be sleeping when we arrive.
- Future Perfect = ได้ทำเหตุการณ์ไปแล้วก่อนหน้าจะเกิดเหตุการณ์ในอนาคต = S + will + have +V3 เช่น I will have already eaten when you arrive.
* S = Subject ประธาน หรือ ผู้กระทำ, V =Verb คือ กิริยา หรือคำแสดงการกระทำต่างๆ
**จริงๆ มีรูป Perfect Continuous ด้วย แต่คิดว่าไม่จำเป็นต้องใช้ก็ได้
Tense ที่อาจสับสนกัน
Past Simple VS Present Perfect
- Past Simple จะใช้กับสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีต ที่ต้องการระบุว่าเกิดขึ้นเมื่อไหร่? (เวลาเป็นเรื่องสำคัญ) มักใช้กับเวลาที่เจาะจงในอดีต เช่น last year, yesterday
- Present Perfect แค่บอกให้รู้ว่าเกิดขึ้นมาแล้ว นานแค่ไหน หรือเกิดขึ้นมาแล้ว (กี่ครั้ง)มักใช้กับ Since (ตั้งแต่ … ) หรือ For (เป็นเวลา … )
Future Tense ใช้ Will หรือ Be going to
เวลาที่เราพูดถึงอนาคต เราสามารถพูดได้ 2 แบบ คือ ใช่ Will ไม่ก็ใช้ Be + going to + V1
- ถ้าใช้สำหรับการคาดเดา ใช้ได้ทั้ง 2 แบบ ความหมายเหมือนกัน
- ถ้าใช้กับการวางแผนล่วงหน้า ใช้ be going to จะเหมาะกว่า เช่น I’m going to paint my bedroom tomorrow
- ถ้าใช้กับความตั้งใจ (สมัครใจ) ใช้ will เช่น Don’t worry. I will help you about this problem.
การพูดถึงเหตุการณ์อนาคตด้วย Time Clause
Time Clause คือ วลี (ไม่ใช่ประโยค) ที่บ่งบอกเวลา มักมีคำว่า Before, After, When, As soon as, Until
แต่ทว่า Time Clause จะไม่ใช้รูป Future Tense แม้ว่าเวลานั้นจะเกิดในอนาคตก็ตาม โดยจะใช้รูป Present Simple แทน เช่น
After I get home, I will eat dinner. หรือ When Bob comes, we will see him.
Tense ที่อาจสับสนกัน
Past Simple VS Present Perfect
Future Tense ใช้ Will หรือ Be going to
เวลาที่เราพูดถึงอนาคต เราสามารถพูดได้ 2 แบบ คือ ใช่ Will ไม่ก็ใช้ Be + going to + V1
การพูดถึงเหตุการณ์อนาคตด้วย Time Clause
Time Clause คือ วลี (ไม่ใช่ประโยค) ที่บ่งบอกเวลา มักมีคำว่า Before, After, When, As soon as, Until
แต่ทว่า Time Clause จะไม่ใช้รูป Future Tense แม้ว่าเวลานั้นจะเกิดในอนาคตก็ตาม โดยจะใช้รูป Present Simple แทน เช่น
After I get home, I will eat dinner. หรือ When Bob comes, we will see him.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น