วันศุกร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ที่มาของการให้ช็อกโกแลตกับวาเลนไทน์ ;)







ช็อคโกแลต ของขวัญสุดฮิตในการมอบให้คนรักวันวาเลนไทน์ 2555 
เมื่อพูดถึง วันวาเลนไทน์ สิ่งที่่ถือว่าคู่กันนอกจาก ดอกกุหลาบแล้ว ช็อคโกแลต ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่คนหนุ่มสาวมักมอบให้แก่กันในวันวาเลนไทน์ โดยช็อคโกแลตถือเป็นการบอกรักอย่างหนึ่ง มักพบว่าเมื่อใกล้ถึงวันวาเลนไทน์นั้นสาวๆส่วนใหญ่มักวุ่นอยู่กับการทำ ช็อคโกแลตเพื่อนำไปให้กับคนที่ตัวเองแอบชอบอยู่ 

วันนี้ Horoworld จะมาบอกว่า ช็อคโกแลต เข้ามาเกี่ยวข้องกับวันวาเลนไทน์ 2555ได้อย่างไร รวมถึงเคล็ดลับวิธีทำช็อคโกแลตแบบง่ายๆมาให้เพื่อนๆได้ลองทำอีกด้วย


ประวัติ ช็อกโกแลตกับวาเลนไทน์

ถึงแม้ประเพณีวันแห่งความรัก 14 กุมภาพันธ์หรือวันวาเลนไทน์ จะเริ่มในโลกตะวันตกเมื่อเกือบสองพันปีมาแล้ว แต่วันนี้คนทั่วโลกก็ร่วมต้อนรับเทศกาลวันแห่งความรักกันอย่างถ้วนหน้ารวมทั้งคนไทยด้วย และถึงแม้ความหมายของวันวาเลนไทน์ มิได้จำกัดอยู่เฉพาะกับความรักแบบหนุ่มสาว แต่ก็ไม่มีใครปฏิเสธว่า ความรักแบบหนุ่มสาว หรือ Romantic Love เป็นส่วนชัดเจนที่สุด! ในวันวาเลนไทน์ ของขวัญยอดฮิตที่หนุ่มสาวมอบแก่กัน คือ ช็อกโกแลตรูปหัวใจ

ช็อกโกแลต ผลิตจากเมล็ดโกโก้ ในอดีตต้นโกโก้เป็นพืชท้องถิ่นของแถบอเมริกากลางและใต้ในปัจจุบันเป็นพืชที่ ปลูกมากในหลายประเทศแถบร้อน แต่มากที่สุดในแอฟริกาตะวันตก 

ชาวมายันโบราณเชื่อว่า ช็อกโกแลตเป็น อาหารของพระเจ้า ต่อมาชาวแอซเต็ก (AZTEC)ในเม็กซิโกเชื่อว่าช็อกโกแลตเป็น อาหารเพิ่มพลังและความรู้สึกทางเพศ เมื่อชาวยุโรปชาติแรกคือสเปน เข้ายึดครองเม็กซิโกก็รับเอาความเชื่อในพลังพิเศษทางเพศ (Aphrodisiac) ของช็อกโกแลตจากชาวแอซเตกมาด้วย และความเชื่อนี้ก็แผ่ขยายต่อมาจนทั่วยุโรป

ในด้านวิทยาศาสตร์ ช็อกโกแลตมีสรรพคุณเพิ่มพลังทางเพศจริงหรือไม่?
     
คำ ตอบก็จะต้องได้มาจากความรู้ล่าสุดของวงการวิทยาศาสตร์ว่า วิทยาศาสตร์วันนี้รู้เรื่องความรักแค่ไหน? รู้ได้อย่างไร? ซึ่งหมายความว่า วิทยาศาสตร์ก็คงจะไม่ได้ตอบเพียงแค่ว่าช็อกโกแลตมีผลต่อเรื่องพลังทางเพศจริงหรือไม่ วิทยาศาสตร์คงจะต้องมองเรื่องความรักกว้างและลึกกว่าผลจากช็อกโกแลต
     
โดย อาศัยเทคโนโลยียุคใหม่ที่สามารถช่วยให้นักวิทยาศาสตร์ มองเห็นสภาพและความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับอวัยวะและระบบต่างๆ ในร่างกายของคนเรา ขณะที่เกิดความรู้สึกหรืออารมณ์ ที่เกี่ยวกับความรัก อีกทั้งความรู้ไหม่ๆ เกี่ยวกับยีนที่เกี่ยวข้องกับอารมณ์ความรู้สึกและพฤติกรรมบางอย่าง ทำให้วิทยาศาสตร์วันนี้ได้คำตอบใหม่ๆ มากมาย เกี่ยวกับความรักและเริ่มเจาะลงไปถึงคำถามเกี่ยวกับ Soul Mate หรือ คู่แท้ โดยทางจิตวิญญาณผ่านทางยีนว่ามีจริงหรือไม่? 

สิ่ง แรกสุด ปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นกับคนทุกคนที่มีความรู้สึกเกี่ยวกับความรัก คือ เมื่อพบคนบางคนเป็นครั้งแรก อาจเป็นรอยยิ้มหรือใบหน้าที่ทำให้รู้สึกตื่นเต้น หัวใจเต้นโครมคราม เลือดสูบฉีดแรงเกิดอาการร้อนๆ หนาวๆ และบางคนก็ถึงขนาดเหงื่อซึม อาการเช่นนี้เป็นอาการของคน
ตกหลุมรัก และบ่อยๆ ก็เข้าใจกันว่า อธิบายไม่ได้หรือไม่


ต้อง การคำตอบ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในประเด็นว่า ทำไมรอยยิ้มใบหน้าของคนคนหนึ่งจึงทำให้คนอีกคนหนึ่งเกิดอาการดังกล่าว แต่ไม่ทำให้คนอีกคนหนึ่ง เกิดอาการแบบเดียวกัน

    
สำหรับ อาการคนตกหลุมรักเช่นนี้ วันนี้วิทยาศาสตร์อธิบายได้แล้วว่า เกิดขึ้นได้อย่างไร! คำตอบชี้ไปที่ปัจจัยสำคัญที่สุด 2 อย่างคือสมอง กับสารเคมี บางชนิดปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับความรู้สึกเรื่องความรัก จุดศูนย์กลางคือ สมอง ที่ถูกกระตุ้นอย่างแรง ด้านสารเคมีบางชนิดในสมองที่ถูกผลิตขึ้นมาจากชนวนแรกสุด ได้แก่ ประสาทการมองเห็น คือ ตา ในทันทีที่สายตาประสบกับรอยยิ้ม หรือใบหน้าของคนพิเศษนั้น สัญญาณจากประสาทการมองเห็น ก็ถูกส่งไปกระตุ้นสมอง ส่วนนั้นผลิตสารเคมีเกี่ยวกับความรู้สึกพิเศษ คือ สารเคมีจำพวกแอมฟีตามีน (Amphetamine) โดนเฉพาะอย่างยิ่ง เซนีลเอททีลามีน (Phenylethylamine) หรือพีอีเอ (PEA) สิ่งที่เกิดตามขึ้นมาทันทีก็คือ อาการตื่นตัวของสมอง ส่งผลต่อระบบเกี่ยวกับประสาทและการสูบฉีดเลือด หัวใจจึงเต้นโครมคราม ตัวร้อนเย็น วูบวาบ บางคนก็เกิดอาการหน้าแดงอย่างไม่รู้ตัว
    
แล้วทำไม รอยยิ้ม ใบหน้าของคนๆ เดียวกันที่ทำให้คนๆ หนึ่ง ตื่นตัว แต่กับอีกคนหนึ่ง ไม่รู้สึกอะไรเลยล่ะ?
    
ยังไม่มีคำตอบชัดเจนทางวิทยาศาสตร์ แต่มีคำตอบที่อาจไม่ได้บอกอะไรเพิ่มพิเศษนัก คือ มันเป็นเรื่องรสนิยมหรือความชอบเฉพาะคน ทำให้บางคนเกิดความรู้สึกพิเศษเฉพาะกับ รอยยิ้ม ใบหน้า แบบหนึ่งเท่านั้น
    
จากความรู้เกี่ยวกับการกระตุ้นสมองให้ผลิตสารพิเศษบางอย่าง เมื่อคนบางคนได้พบกับคนบางคนที่ ถูกตา ต้องใจ ก็ทำให้วิทยาศาสตร์สามารถโยงไปถึง บทบาทของช็อกโกแลตต่อเนื่องความรักได้ว่า ความเชื่อเรื่องบทบาทของช็อกโกแลต ในฐานะเป็นอาหารกระตุ้นพลัง หรือความรู้สึกทางเพศที่เชื่อกันต่อๆ มานั้น มีมูลความจริงระดับหนึ่ง กล่าวคือ ในช็อกโกแลต โดยเฉพาะอย่างยิ่งช็อกโกแลตดำ
(Dark Chocolate) มีสารเคมีหลาย
ชนิด แต่ชนิดหนึ่งที่มีอยู่มากด้วยคือพีอีเอ นั้นเอง

     
ทว่าบทบาทของช็อกโกแลตต่อความรู้สึกเรื่องความรัก อย่างเป็นวิทยาศาสตร์แล้ว ก็เป็นเพียงอาหารกระตุ้นความรู้สึกทางเพศเท่านั้น ไม่มีผลระยะยาวดังเช่น กรณีของ คนพิเศษ ที่จะยืนยาวกว่า เพราะกรณีของคนพิเศษการผลิตสารพีอีเอในสมองจะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้จะไม่รุนแรงเท่าครั้งแรกๆ ทั้งนี้เป็นเพราะว่า สารพีอีเอในช็อกโกแลตจะถูกย่อยหมดไป โดยมิได้มีผลไปช่วยกระตุ้นการผลิตสารพีอีเอในสมอง ยกเว้นถ้าช็อกโกแล็ตนั้นมาจาก คนพิเศษ คนนั้นด้วย ก็จะเกิดพลังเสริมจากทั้งพีอีเอในช็อกโกแลตและจากการผลิตในสมอง
     
สารเคมีพีอีเอที่ผลิตในสมองทำให้อาการตื่นเต้นของคนตกหลุมรัก แต่หลังจากเวลาผ่านไปนานเป็นปีๆ สมองจะผลิตพีอีเอออกมาน้อยลง ส่งผลให้เกิดความรู้สึกชินชาขึ้น โดนเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้ชาย และเกิดความเสี่ยงที่ คู่รัก จะเปลี่ยนไปเป็น คู่ร้าง ง่ายขึ้น...
    
ทว่าสำหรบคนบางคนที่ คู่รัก ไม่เปลี่ยนเป็น คู่ร้าง ง่ายๆ วงการวิทยาศาสตร์พบว่า มีสารเคมีอีกชนิด เข้ามามีบทบาทด้วยคือ เอ็นดอร์ฟิน (Endorphin) ซึ่งผลิตโดยสมองมีผลคล่ายฝิ่นในการต่อสู้กับความเจ็บปวด แต่สำหรับเรื่องความรัก สิ่งที่ดูจะเกิดขึ้นคือ หลังจากที่สารพีอีเอ ทำให้คนมีความรู้สึกตื่นเต้นเมื่อพบคนพิเศษ แต่เอ็นดอร์ฟินมีบทบาททำให้คนมีความรู้สึกที่ลึกซื้ง กลายเป็นความผูกพันที่ถาวรขึ้นได้ ระหว่างชายกับหญิง
    
ส่วนช็อกโกแลต ถึงแม้จะไม่มีเอ็นดอร์ฟิน แต่เมื่อบวกพีอีเอจากช็อกโกแลตกับพลังจากเอ็นดอร์ฟินของสมอง ก็สามารถจะมีผลทำให้ความรักของคนสองคนยังคงความตื่นเต้น(ถึงแม้จะไม่เท่าระยะแรกๆ ที่พบกัน) ต่อไป แต่มีความผูกพันกลายเป็นพันธะหัวใจที่ยืนยาวได้อย่างดี
    
ความรู้วิทยาศาสตร์ใหม่ๆ เกี่ยวกับความรักยังมีอีกมาก แต่ผู้เขียนคงต้องขอนำไปเล่าสู่กันฟังใหม่ในวาระต่อๆ ไป เพราะข้อเขียนวันนี้เป็นข้อเขียนพิเศษสำหรับเทศกาลวันแห่งความรักคือ วาเลนไทน์ โดยมีช็อกโกแลตเป็นตัวเชื่อม ระหว่างความรักกับวาเลนไทน์ แต่ผู้เขียนก็มีสิ่งที่ขอทิ้งท้ายฝาก (ย้ำ) เอาไว้ว่า ความรักที่บริสุทธิ์ ความรักที่แท้จริง เป็นสิ่งค้ำจุนโลก และความรักในเทศกาลวาเลนไทน์ มิใช่มี
เฉพาะความรักแบบ Romantic Love เท่านั้น!
วิธีทำ ช็อคโกแลตรับวาเลนไทน์ง่ายๆด้วยตัวเอง

วิธี ง่าย ๆ คือ หาซื้อช๊อกโกแลตสำเร็จรูป (ที่เป็นเมล็ดแห้งหรือแท่ง)ตามซูเปอร์มาเก็ตทั่วไป เมื่อได้มาแล้วให้นำช็อกโกแลตสำเร็จรูปมาทำละลาย


1. เตรียมน้ำร้อนที่อุณหภูมิ 55 องศาเซลเซียส นำช็อกโกแลตใส่ในชามแก้ว แล้วลงแช่ในน้ำร้อนจนละลาย

2. ยกขึ้น ให้อุณหภูมิต่ำลงที่ 28 องศาเซลเซียส

3. จากนั้นเทใส่แม่พิมพ์ที่เตรียมไว้ทิ้งไว้ให้เย็น

4. ประมาณ 3 นาทีจึงค่อยแกะช็อกโกแลตออกจากแม่พิมพ์ ก็จะได้ช็อกโกแลตในรูปร่างที่ต้องการ (หากทิ้งไว้เกิน5นาทีรูปร่างช็อกโกแลตจะไม่สวย)


ที่มาจาก : http://www.hugmagazine.com/เดอนนมอะไร/tabid/82/articleType/ArticleView/articleId/518/--.aspx

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น