ก่อนอื่นแอดมินต้องขอขอบคุณ เจ้าของกระทู้ คนนี้นะคะที่ ทำกระทู้น่าสนใจออกมา
http://pantip.com/topic/31035774 แอดมินได้ลองเข้าไปอ่านกระทู้อันนี้ดูโดยละเอียด
และน่าสนใจมากทำให้คิดถึงเรื่องราวในอดีตสมัยเด็กที่เราดูชอบดูกัน
เลยแชร์ความรู้สึกนี้ต่อนะคะ ขอบคุณมากค่ะ :)
เนื่องในปีนี้ จะเป็นปีที่ครบรอบการทำงานก่อตั้งดิสนี่ย์ของ วอลท์ ดิสนี่ย์ ราชาแห่งโลกการ์ตูนที่เชื่อว่าทุกคนจะรู้จัก
( จากข้อมูลในวิกิบอกว่า วอลท์ ดิสนี่ย์ เริ่มทำงานในปี ค.ศ.1920 เพราะฉะนั้น ปีนี้ก็จะครบ 93 ปีค่ะ )
จขกท.จึงอยากชวนผู้ที่ชื่นชอบและรักการ์ตูนค่ายนี้มาย้อนรำลึกถึงผลงานกัน
ด้วยความที่จขกท.เป็น geek เรื่องของการ์ตูนหลายค่าย จึงอยากจะถ่ายทอดผลงานอันน่า
จดจำของดิสนี่ย์บ้างค่ะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ต้องอาศัยจากข้อมูลที่ต่างๆ มาด้วย เลยอาจจะช้านิดนึง แต่ก็จะพยายามค่า
มาทำความรู้จักกับผู้ก่อตั้งหรือ ในวิกิ เขียนไว้ว่าเป็น founder of the Walt Disney Production ท่านก็คือ Walt Disney นั่นเอง
ขอเรียกย่อๆว่า คุณดิสนี่ย์แล้วกันนะคะ ^^
คุณดิสนี่ย์ เกิดวันที่ 5 ธันวาคม 1901 และเสียชีวิตในวันที่ 15 ธันวาคม 1966 ขณะอายุได้ 65 ปี ด้วยโรคมะเร็งปอด แต่ผลงานที่ท่านได้สร้างไว้ให้กับโลกของดิสนี่ย์นั่นมีมากมายเหลือเกิน เดี๋ยวเราค่อยมาดูกันว่าเราเคยดูเรื่องไหนกันบ้าง แต่ในช่วงแรกเริ่มนั้น ก็ไม่มีการได้อะไรมาง่ายๆเฉกเช่นกับบุคคลที่ยิ่งใหญ่คนอื่นๆค่ะ แต่ด้วยความรักความฝันและความพยายามของท่าน
ในที่สุด ก็ได้ให้กำเนิดผลงานออกมามากมาย ร่วมกับนักเขียนและผู้ร่วมลงทุนอีกหลายคนในสตูดิโอ
เดือนมกราคม ปี 1920
ผลงานในช่วงก่อนการก่อตั้งสตูดิโอเป็นของตนเองนั้น ท่านก็มีผลงานที่ทำร่วมกับคนอื่นๆอีกค่ะ
ท่านร่วมงานที่แรกคือ Kansas City Film Ad Company ณ เมืองแคนซัส สหรัฐอเมริกา โดยมีนาย Fred Harman เป็นนายจ้างคนแรก
โดยที่นี่เขาได้สร้างภาพยนตร์การ์ตูนออกมาเรื่องแรก ในนามของบริษัท ชื่อว่า Laugh-O-Grams Studio ซึ่งในขณะนั้นก็ถือว่าประสบความสำเร็จ
ลองไปหาคลิปดูจากยูทูปก็มีค่ะ เป็นการ์ตูนภาพขาวดำที่น่ารักมากๆ
ผลงานในช่วงก่อนการก่อตั้งสตูดิโอเป็นของตนเองนั้น ท่านก็มีผลงานที่ทำร่วมกับคนอื่นๆอีกค่ะ
ท่านร่วมงานที่แรกคือ Kansas City Film Ad Company ณ เมืองแคนซัส สหรัฐอเมริกา โดยมีนาย Fred Harman เป็นนายจ้างคนแรก
โดยที่นี่เขาได้สร้างภาพยนตร์การ์ตูนออกมาเรื่องแรก ในนามของบริษัท ชื่อว่า Laugh-O-Grams Studio ซึ่งในขณะนั้นก็ถือว่าประสบความสำเร็จ
ลองไปหาคลิปดูจากยูทูปก็มีค่ะ เป็นการ์ตูนภาพขาวดำที่น่ารักมากๆ
และอีกอัน
เห็นได้ว่าผลงานในสมัยเกือบร้อยปีก่อนก็จะเป็นขาวดำและไม่มีบทพูด
ซึ่งเรื่องนี้ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก
แต่ต่อมาไม่นาน ด้วยความที่การจ่ายเงินเดือนมีปัญหา
ทำให้คุณดิสนี่ย์ตัดสินใจย้ายความคิดที่จะมาตั้งสตูดิโอที่ ฮอลลีวู้ด แคลิฟอร์เนียพร้อมน้องชาย
ซึ่งผลงานหลังจากนั้นคือ Alice Comedies
ซึ่งเรื่องนี้เป็น live action ที่มีคนแสดง เป็นดาราเด็กนามว่า Virginia Davis มาร่วมเล่นด้วย
ซึ่งถือเป็นผลงานเริ่มต้นของ สตูดิโอสองพี่น้องดิสนี่ย์
นี่น่าจะเป็นใบปิดในสมัยนั้นค่ะ
หลังจากที่สิ้นสุดงาน Alice Comedies แล้ว ทางฝั่งของดิสนี่ย์เองก็มีปัญหาระหว่างเรื่องธุรกิจและลิขสิทธิ์ร่วมกับเพื่อนผู้ร่วมงาน
จนทำให้เขาต้องตัดสินใจ ออกเดินตามหนทางตนเองอีกครั้ง
โดยในกรณีครั้งนี้มาจากลิขสิทธิ์การวาดการ์ตูนเรื่อง Oswald the Lucky Rabbit ซึ่ง (ถ้าแปลมาไม่ผิด) เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สตูดิโอดิสนี่ย์กำกับ
ซึ่งถูกวาดและกำกับภาพโดยบุคคลในสตูดิโอ แต่ภายหลังมากลับต้องตกไปอยู่กับอีกสตูดิโอหนึ่ง (เรื่องนี้ไม่แน่ใจจริงๆค่า)
เรื่อง Oswald the Lucky Rabbit เจ้ากระต่ายออสวอลด์ หน้าตาเป็นแบบนี้เอง
ปี 1928
หลังจากที่ออกจากสตูดิโอ ดิสนี่ย์ตั้งใจจะหาตัวละครใหม่ๆขึ้นมา ซึ่งจากประสบการณ์ที่ผ่านมา เขาเองก็เคยวาดและเคยนึกอยากพัฒนาตัวละครที่เกี่ยวกับหนูขึ้นมา ซึ่งทายถูกกันไหมเอ่ยว่า
ตัวละครตัวนี้ชื่ออะไร .... ^^
Mickey ! << ใช่แล้วค่า ตัวละครตัวนี้ก็คือเจ้าหนูมิกกี้เมาส์นั่นเอง แต่ก่อนหน้านั้น มันถูกตั้งชื่อว่า Mortimer ซึ่งแลดูไม่เพราะซะเลยน่า
ซึ่งการ์ตูนชุดเรื่องแรกๆของเจ้ามิกกี้ ก็คือ Plane Crazy เป็นการ์ตูนเงียบ ในปี 1928
ตามมาติดๆด้วย The Gallopin' Gaucho
และ การ์ตูน Steamboat Willie ซึ่งเป็นการ์ตูนที่มีเสียงเรื่องแรกของมิกกี้และดิสนี่ย์
ปี 1929
หลังจากปล่อยซีรี่ส์ของมิกกี้เม้าส์เรียบร้อยแล้ว โปรเจคต์ต่อไปก็คือ Silly Symphonies
ซึ่งมีทั้งหมด 75 การ์ตูนเรื่องสั้น ซึ่งทั้งหมดนับที่สร้างมาตั้งแต่ปี 1929 - 1939 ค่ะ
ซึ่งในซีรี่ย์ยาวชุดนี้ จะมีการเปิดตัวตัวละครมากมายที่เราหลายๆคนต้องรู้จัก และหนึ่งในนั้นก็คือ เจ้าโดนัลด์ ดั๊ค และพลูโต
คู่หูคู่ฮาและเจ้าหมาน่ารักของมิกกี้ค่ะ ส่วนเรื่องอื่นๆก็อย่างเช่น โครงกระดูกเต้นรำ หรือ ลูกหมูสามตัวก็โด่งดังไม่แพ้กัน
ลองหาดูจากยูทูปแล้วค่ะ อันนี้เป็นเรื่องแรกของซีรี่ย์ชุดนี้เลย The Skeleton Dance
El Terrible Toreador
http://www.youtube.com/watch?v=k59-RnBvxsQ
และแล้ว เจ้าโดนัลด์ ดั๊ค ก็ออกมาจากเรื่องนี้เลยค่าา The Wise Little Hen ในปี 1934
เรื่องนี้ เป็นเรื่องที่ได้รับรางวัลออสการ์ค่ะ สาขาของ Academy Award for Best Animated Short Film
Just Dogs ปี 1932 เจ้าหมาพลูโต ออกมาครั้งแรกเรื่องนี้
Springtime ปี 1929 เรื่องนี้ไปโผล่ในหนังเรื่อง 101 Dalmatians ด้วยนะคะ ใครจำได้บ้าง
Flowers and Trees เรื่องนี้เป็นภาพสีเรื่องแรกของดิสนี่ย์ค่ะ
ในที่สุด ยุคทองของดิสนี่ย์ก็เริ่มต้นในช่วงนี้ ภาพยนตร์ที่ออกฉายเรื่องแรกถือเป็น เจ้าหญิงคนแรกๆตั้งแต่ช่วงก่อตั้งดิสนี่ย์เลย
นั่นก็คือ Snow White & The Seven Dwarfs นั่นเอง
ซึ่งเดิมทีแล้ว เจ้าหญิงสโนว์ไวท์เป็นเทพนิยายจากหนังสือนิทานของกริมม์ และถูกดัดแปลงมาเป็นเวอร์ชั่นการ์ตูน
แน่นอนว่าความสำเร็จของสโนว์ไวท์มีมากมาย และกลิ่นอายความเป็นเสน่ห์แบบเฟมินีนเหล่านี้ยังอยู่
จนปัจจุบัน มีการนำเรื่องนี้มารีบูท รีเมค และสร้างใหม่มาแล้วมากมายในประวัติศาสตร์
ตัวละครที่เรารู้จักกันดี ก็มีอยู่แล้วคือ สโนว์ไวท์ เจ้าชาย คนแคระทั้ง 7 ราชินีใจร้าย และนายพราน
ทีนี้ลองมาดูเทรลเลอร์เมื่อสมัยก่อนกันบ้าง
จากความสำเร็จของสโนว์ไวท์ ดิสนี่ย์ก็ผลิตผลงานออกมาอีกมากมาย ซึ่งเรื่องนี้ก็คือการเริ่มต้นยุคทองของดิสนี่ย์นั่นเองค่ะ
และที่ขาดไม่ได้เลย สำหรับเอกลักษณ์ของดิสนี่ย์ ก็คือ บทเพลง
แน่นอนว่าบทเพลงที่ซึ้งและไพเราะ มีอยู่ทุกเรื่องจริงๆ
แต่สำหรับเพลงที่ชอบในเรื่องนี้ก็คือเพลงนี้ค่ะ Someday My Prince Will Come
ปี 1940
หลังความสำเร็จของเจ้าหญิงสโนว์ไวท์ไปแล้ว เรื่องต่อไปที่ทางดิสนี่ย์ได้ปล่อยออกมา
เป็นเรื่องราวของการไม่พูดโกหก การเป็นเด็กดี และความซื่อสัตย์ ผ่านทางหุ่นกระบอกที่ได้รับพรจากนางฟ้าให้ไม่ต้องมีเชือกชัก
Pinocchio เป็นเรื่องดังกล่าวนั่นเอง
พิน็อคคิโอ คือเรื่องราวที่ถ่ายทอดชีวิตของเด็กชายที่พร้อมจะเจอกับเรื่องที่ดีและไม่ดี
ตั้งแต่การเจอกับกลุ่มหมาป่าจิ้งจอกจอมหลอกลวง การโดนชายละครสัตว์จับขังในกรง การหนีไปกับเด็กชายแล้วการเกือบจะกลายเป็นลา
ซึ่งทั้งหมดก็คือการก้าวไปสู่ความเป็นผู้ใหญ่นั่นเอง
จำได้ว่าชอบดูเรื่องนี้มาก ตอนเด็กๆ ตอนนี้ก็ยังคงหยิบมาดูทุกครั้งที่ขาดกำลังใจ คิดถึงจริงๆ
หลังความสำเร็จของเจ้าหญิงสโนว์ไวท์ไปแล้ว เรื่องต่อไปที่ทางดิสนี่ย์ได้ปล่อยออกมา
เป็นเรื่องราวของการไม่พูดโกหก การเป็นเด็กดี และความซื่อสัตย์ ผ่านทางหุ่นกระบอกที่ได้รับพรจากนางฟ้าให้ไม่ต้องมีเชือกชัก
Pinocchio เป็นเรื่องดังกล่าวนั่นเอง
พิน็อคคิโอ คือเรื่องราวที่ถ่ายทอดชีวิตของเด็กชายที่พร้อมจะเจอกับเรื่องที่ดีและไม่ดี
ตั้งแต่การเจอกับกลุ่มหมาป่าจิ้งจอกจอมหลอกลวง การโดนชายละครสัตว์จับขังในกรง การหนีไปกับเด็กชายแล้วการเกือบจะกลายเป็นลา
ซึ่งทั้งหมดก็คือการก้าวไปสู่ความเป็นผู้ใหญ่นั่นเอง
จำได้ว่าชอบดูเรื่องนี้มาก ตอนเด็กๆ ตอนนี้ก็ยังคงหยิบมาดูทุกครั้งที่ขาดกำลังใจ คิดถึงจริงๆ
สำหรับออริจินอล สกอร์เรื่องนี้ ได้รับรางวัลออสการ์สาขาเพลงประกอบยอดเยี่ยม When you wish upon a star
ปี 1940
Fantasia เป็นผลงานการรวมเอาเรื่องราวที่หลากหลายมาใส่ไว้ด้วยกัน
ถือเป็นงานอีกชิ้นหนึ่งที่นำเอาเรื่องของเพลงคลาสสิคและเรื่องราวมาปรับแต่งเข้าด้วยกันทั้งหมด 7 เรื่อง
เรื่องที่โด่งดังและเป็นที่รู้จักที่สุดก็คือเรื่องของ Sorcerer's Apprentice
นอกจากนี้แล้วยังมีอีกทั้งหมด 6 เรื่อง ซึ่งบทเพลงที่นำเอามาดัดแปลงก้อย่างเช่นผลงานของ บาค ไชคอฟสกี บีโธเฟ่น เป็นต้น
ปี 1941
เรื่องราวของช้างน้อย ผู้มาใหม่ของคณะละครสัตว์ นามว่า Dumbo
เรื่องนี้ถ้าใครจำได้ จะหลงรักความน่ารักของบรรดาสรรพสัตว์ในเรื่องมากๆ
(จขกท.ดูแค่รอบเดียว จำไม่ค่อยได้แล้ว)
เรื่องราวของลูกช้างจัมโบ้จูเนียร์ หรือที่เรียกกันว่า ดัมโบ้
ความที่เขามีใบหูที่ใหญ่ผิดปกตินั่นเอง แต่มาค้นพบว่า หูของเขาก็คือปีกดีๆนี่เอง
ดัมโบ้ในพบกับเพื่อนใหม่มากมายในคณะละครสัตว์ ซึ่งจะนำพาให้เขาได้พบกับประสบการณ์ดีๆมากมาย
เรื่องนี้มีความยาวเพียง 64 นาที ซึ่งถือว่าเป็นภาพยนตร์การ์ตูนที่สั้นที่สุดของดิสนี่ย์
ปี 1942
จากเรื่องของเจ้าช้างน้อยในคณะละครสัตว์ มาสู่เรื่องราวที่ได้รับการยอมรับจาก จขกท.เลยว่า ประทับใจน้ำตาไหลเลยเรื่องนี้
Bambi
เรื่องของกวางป่าสองแม่ลูกที่ดำเนินชีวิตปกติ แต่วันหนึ่งเมื่อแม่กวางถูกนายพรานฆ่าตาย
กวางน้อยแบมบี้ก็ต้องเรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตให้ได้ด้วยตนเอง ตั้งแต่การเลี้ยงปากท้อง ไปจนถึงเรื่องการใช้ชีวิตร่วมกับสัตว์อื่นๆในป่า
โชคดีของแบมบี้น้อยที่ได้พบกับเจ้ากระต่าย สกั๊งค์ และอีกมากมาย
เมื่อมิตรภาพเบ่งบานแล้ว พวกเขาก็ก้าวเข้าสู่ช่วงวัยผู้ใหญ่ร่วมกัน
..................................................................
และ จากความประทับใจครั้งแรก ทำให้ในปี 2006 ( ก็คืออีก 64 ปีต่อมา )
ดิสนี่ย์ได้นำเรื่องนี้มาปัดฝุ่นใหม่ และมีภาคต่ออีกมาที่ชื่อว่า Bambi II
ซึ่งจะกล่าวถึงเรื่องราวในช่วงที่หลังจากแบมบี้สูญเสียแม่ไป ทำให้ต้องร่อนแร่จนกระทั่งพบกับราชากวางแห่งป่าใหญ่
แบบฉบับนี้เหมือนจะเป็นโฮมวีดีโอ มีเทรลเลอร์ให้ลองดูค่า
ปี 1942
ในปีเดียวกัน นอกจากจะมีแบมบี้แล้ว ยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่ถือว่าน้อยคนจะรู้จัก (จขกท.ก็ไม่รู้ค่ะ)
Saludos amigos เป็นภาษาบราซิลเลียน แปลเป็นภาษาอังกฤษว่า Hello ! Friends
เป็นเรื่องราวทั้ง 6 ตอนของการผจญภัยในดินแดนละตินอเมริกาของกูฟฟี่และโดนัลด์ ดั๊คส์
ก็ถือว่าเป็นการผจญภัยเปิดโลกใหม่ๆให้คนรู้จักกับประเทศฝั่งอเมริกาใต้มากขึ้น
นอกจากนี้ยังมีนกแก้วบราซิลเป็นพระเอกอีกด้วย
เรื่องราวของช้างน้อย ผู้มาใหม่ของคณะละครสัตว์ นามว่า Dumbo
เรื่องนี้ถ้าใครจำได้ จะหลงรักความน่ารักของบรรดาสรรพสัตว์ในเรื่องมากๆ
(จขกท.ดูแค่รอบเดียว จำไม่ค่อยได้แล้ว)
เรื่องราวของลูกช้างจัมโบ้จูเนียร์ หรือที่เรียกกันว่า ดัมโบ้
ความที่เขามีใบหูที่ใหญ่ผิดปกตินั่นเอง แต่มาค้นพบว่า หูของเขาก็คือปีกดีๆนี่เอง
ดัมโบ้ในพบกับเพื่อนใหม่มากมายในคณะละครสัตว์ ซึ่งจะนำพาให้เขาได้พบกับประสบการณ์ดีๆมากมาย
เรื่องนี้มีความยาวเพียง 64 นาที ซึ่งถือว่าเป็นภาพยนตร์การ์ตูนที่สั้นที่สุดของดิสนี่ย์
ปี 1942
จากเรื่องของเจ้าช้างน้อยในคณะละครสัตว์ มาสู่เรื่องราวที่ได้รับการยอมรับจาก จขกท.เลยว่า ประทับใจน้ำตาไหลเลยเรื่องนี้
Bambi
เรื่องของกวางป่าสองแม่ลูกที่ดำเนินชีวิตปกติ แต่วันหนึ่งเมื่อแม่กวางถูกนายพรานฆ่าตาย
กวางน้อยแบมบี้ก็ต้องเรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตให้ได้ด้วยตนเอง ตั้งแต่การเลี้ยงปากท้อง ไปจนถึงเรื่องการใช้ชีวิตร่วมกับสัตว์อื่นๆในป่า
โชคดีของแบมบี้น้อยที่ได้พบกับเจ้ากระต่าย สกั๊งค์ และอีกมากมาย
เมื่อมิตรภาพเบ่งบานแล้ว พวกเขาก็ก้าวเข้าสู่ช่วงวัยผู้ใหญ่ร่วมกัน
..................................................................
และ จากความประทับใจครั้งแรก ทำให้ในปี 2006 ( ก็คืออีก 64 ปีต่อมา )
ดิสนี่ย์ได้นำเรื่องนี้มาปัดฝุ่นใหม่ และมีภาคต่ออีกมาที่ชื่อว่า Bambi II
ซึ่งจะกล่าวถึงเรื่องราวในช่วงที่หลังจากแบมบี้สูญเสียแม่ไป ทำให้ต้องร่อนแร่จนกระทั่งพบกับราชากวางแห่งป่าใหญ่
แบบฉบับนี้เหมือนจะเป็นโฮมวีดีโอ มีเทรลเลอร์ให้ลองดูค่า
ปี 1942
ในปีเดียวกัน นอกจากจะมีแบมบี้แล้ว ยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่ถือว่าน้อยคนจะรู้จัก (จขกท.ก็ไม่รู้ค่ะ)
Saludos amigos เป็นภาษาบราซิลเลียน แปลเป็นภาษาอังกฤษว่า Hello ! Friends
เป็นเรื่องราวทั้ง 6 ตอนของการผจญภัยในดินแดนละตินอเมริกาของกูฟฟี่และโดนัลด์ ดั๊คส์
ก็ถือว่าเป็นการผจญภัยเปิดโลกใหม่ๆให้คนรู้จักกับประเทศฝั่งอเมริกาใต้มากขึ้น
นอกจากนี้ยังมีนกแก้วบราซิลเป็นพระเอกอีกด้วย
และอีกมากมายค่ะ เด๋วมีต่อ ภาคสองกับความทรงจำไวเด็กของเรานะคะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น