5 เทคนิค Presentation ยังไงให้ปัง ดัง โดน
บทความโดย… พงศธร พูลเพิ่ม (ป๊อป)
บทความโดย… พงศธร พูลเพิ่ม (ป๊อป)
https://www.leaderwings.co
เชื่อว่าหลายคนในช่วงชีวิตการทำงาน คุณคงเคยประสบพบเจอกับสถานการณ์ที่เจ้านาย หรือ หัวหน้าบอกว่า มีลูกค้ารายใหญ่เข้ามาเยี่ยมบริษัทเราอาทิตย์หน้า เตรียมตัวพรีเซนต์งานด้วยนะ แถมกำชับด้วยว่า อนาคตของบริษัทขึ้นอยู่กับคุณคนเดียวเท่านั้น
ทันใดนั้นเอง คุณอาจอุทานในใจว่า ชิบหายแล้วตู อุตส่าห์หลีกเลี่ยง การออกไปพรีเซนต์หน้าห้อง สมัยมัธยมก็หลบ สมัยมหาวิทยาลัยก็เลี่ยง อาย กลัวเสียหน้า กลัวโดนเพื่อนโห่ หัวเราะเยาะ ถ้าให้เลือกระหว่างตายกับออกไปยืนพูดหน้าชั้น หน้าเวที ขอตายซะดีกว่า บทความนี้จะช่วยให้คุณก้าวข้าม ความกลัวไปให้ได้ และขอเป็นเพื่อนร่วมทางเดิน แห่งความสำเร็จของคุณ
1. รู้เขา รู้เรา
คุณต้องรู้ก่อนว่า ลูกค้าที่คุณจะพรีเซนต์งานนั้น เป็นใคร ชอบแบบไหน อายุประมาณเท่าไหร่ มีสไตล์การทำงานแบบใด ไม่ต้องถึงขนาดมีลูกกี่คน มีแฟนกี่คน ไม่ต้องถึงขนาดนั้น แต่เอาให้รู้คร่าวๆว่า ลูกค้าเป็นคนอย่างไร จุดประสงค์ในการพรีเซนต์งานครั้งนี้ บริษัทต้องการอะไร หัวหน้าต้องการอะไร ลูกค้าต้องการอะไร
เช่น บางคนชอบให้สอดแทรกมุกตลก บางคนชอบตัวเลข บางคนชอบให้รักษาเวลาในการพูด เอาเนื้อๆไม่มีน้ำ แต่ทั้งหมดทั้งมวล ผมจะบอกคุณว่า เมื่อเขาฟังจบ เขาต้องมีคำตอบในใจทันทีเลยว่า ฉันจะได้อะไรจากการนั่งฟังคุณในครั้งนี้ อาจจะได้ดีลใหญ่ ได้ร่วมธุรกิจเป็นพาร์ทเนอร์กัน หรือร่วมลงทุนในบริษัทของคุณในอนาคต
- ถ้าคุณไม่รู้ว่าลูกค้าของคุณคือใคร คุณอาจเริ่มจากปรึกษาเจ้านาย หรือหัวหน้าของคุณ
- หาข้อมูลคร่าวๆจาก google.com ประวัติการทำงาน ผลงาน ประเภทของธุรกิจ
- บทความที่เขาเคยให้สัมภาษณ์ นิตยสาร ทีวี Youtube ข้อมูลต่างๆเหล่านี้พอจะช่วย
- ให้คุณเห็นภาพได้ง่ายๆว่า ลูกค้าที่คุณต้องไปพรีเซนต์งานนั้นเขาเป็นคนอย่างไร
- เมื่อคุณรู้เขา รู้เรา การพรีเซนต์ของคุณจะโดนใจ และตรงใจผู้ฟังมากที่สุด
2. พลังความมั่นใจ 100 %
คุณรู้แล้วว่า คุณต้องพรีเซนต์งานให้กับแขกที่มาเยี่ยมที่บริษัท มีเวลาเตรียมตัวหนึ่งสัปดาห์ แน่นอนคุณก็ยังกังวล กับงานนี้อยู่ดี เพราะไม่ถนัด ไม่มั่นใจ ไม่เคยพูดมาก่อน คิดนู่นนี่นั่น คิดเยอะไปหมด จะออกมาดีไหม จะทำให้บริษัทผิดหวังในตัวเราหรือเปล่า เรียกว่า คิดเยอะ จนไม่เป็นอันทำงานเลยทีเดียว
ถ้าคุณกำลังตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ ผมมีวิธีแก้เพื่อทำให้คุณสามารถกลายเป็นคนมั่นใจ เชื่อมั่นในตัวเองได้อย่างเต็มถัง เปี่ยมพลังแน่นอน เราไปเริ่มกันเลย วิธีสร้างความมั่นใจให้กับตัวเองแบบเร่งด่วน คือ ฝึกจินตนาการ ใช่ครับ จินตนาการ อย่าเพิ่งคิดเยอะ งง สงสัย ว่ามันจะได้ผลหรือไม่ ให้ลองทำตามก่อน แล้วคุณจะรู้คำตอบนั้นเอง
เทคนิคแรก : จินตนาการภาพความสำเร็จในอดีต
- วิธีแรกเป็นวิธีที่สำคัญ ฝึกจินตนาการภาพความสำเร็จของคุณ ไม่ว่าจะเป็นสมัยทำงานใหม่ๆ
- สมัยเรียนมหาวิทยาลัย สมัยมัธยม แล้วดึงเอาความรู้สึกนั้นกลับมาที่ปัจจุบันอีกครั้ง
- บอกตัวเองว่า ฉันทำได้ ฉันสุดยอด วันนี้ฉันจะทำให้ยอดเยี่ยมที่สุดอีกครั้ง ลุย !!!
เทคนิคที่สอง : จงอยู่กับปัจจุบัน
- หลังจากคุณจินตนาการภาพความสำเร็จในอดีตแล้ว
- จงเตรียมพร้อม ณ ปัจจุบันให้มากที่สุด เตรียมสไลด์ เตรียมข้อมูล เอาให้เจ๋ง เอาให้แน่นปึ๊ก
- เรียกได้ว่า ข้อมูลแน่นเหมือนอับดุล อับดุล เอ้ย! / เอ้ย! / ถามอะไรตอบได้ / ตอบได้
- ลองบอกมาหน่อยสิว่า ไตรมาสที่ผ่านมา บริษัทของคุณมีอัตราการเติบโตอยู่ที่เท่าไหร่ ?
- ทิศทางแผนการตลาดในปีนี้ คุณมีแนวทางอย่างไร ? ถ้าคุณเตรียมตัวให้พร้อม ความมั่นใจเพิ่มทวีคูณแน่นอน
เทคนิคที่สาม : เห็นภาพความสำเร็จในอนาคต
- เมื่อใกล้ถึงวันที่คุณต้องพรีเซนต์งาน คุณควรซักซ้อม ข้อมูล ทำความเข้าใจเนื้อหา ตรวจเช็คดูสไลด์
- และเข้าไปสำรวจ ห้องประชุม หรือ เวทีที่คุณต้องใช้ในการพรีเซนต์งาน
- แล้วให้คุณจินตนาการว่า คุณเห็นภาพความสำเร็จของงานในวันนั้นที่เกิดขึ้น
- หัวหน้าปรบมือ ลูกค้ายิ้มแฮปปี้ และสุดท้ายก็สรุปจบด้วยการปิดดีลสำเร็จ Yes!!
- จินตนาการให้ชัด เป็นภาพสี ทั้งภาพ ทั้งเสียงที่เกิดขึ้น คุณพูดได้อย่างมั่นใจ ฉะฉาน พูดอย่างมืออาชีพ
- ทั้งสามเทคนิคเป็นเทคนิคที่เรียบง่าย ใช้ได้จริง และทรงพลัง คุณต้องลองด้วยตัวเองดีที่สุด
3. ตัวคุณต้องโดดเด่นกว่าสไลด์
ในงานเปิดตัวสินค้า คุณคงเคยเห็นวิธีการพรีเซนต์สินค้าของสตีฟ จ็อบส์มาบ้างแล้ว …เชื่อหรือไม่ ? ก่อนที่คุณจะเห็นเขาพรีเซนต์จนเป็นธรรมชาติ ชนิดที่ว่าเห็นแล้วดึงดูด น่าฟัง พูดแต่ละครั้งมันเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังนั้น เบื้องหลังและเทคนิคที่สำคัญที่สุด ที่คุณอาจไม่รู้ก็คือ เขา ซ้อม ซ้อม และซ้อม จนเป็นธรรมชาติ และคิดมุกในการพูดเตรียมไว้หมดแล้ว
การขึ้นพรีเซนต์ของเขา เปรียบเสมือนการขึ้นคอนเสิร์ต หรือ ขึ้นไปพบปะแฟนเพลง เขาไม่เคยคิดสักครั้งว่า เขาต้องไปพรีเซนต์ขายสินค้า ต้องไปพูดต่อหน้าผู้คนเป็นพัน หรือ ต้องไปขายของให้ได้ นั่นเป็นความคิดที่คนทั่วไปคิด และเป็นความเข้าใจที่ผิด สิ่งที่ถูก คือ คุณกำลังแสดงโชว์ กำลังนำเสนอสิ่งดีๆ ที่ช่วยทำให้ชีวิตของผู้คน ง่ายขึ้น สะดวกขึ้น ดีขึ้น
ลูกค้าหลงใหล ในสินค้าของเรา และพูดในใจว่าขอบคุณที่ผลิตสินค้าที่สร้างประสบการณ์ใหม่ให้ชีวิตของฉัน ดีจนอดใจไม่ไหวต้องบอกต่อ หรือ ครอบครองเป็นเจ้าของให้ได้ในทุกครั้งที่แอปเปิ้ลเปิดตัวสินค้าใหม่ กลายเป็นสาวกแอปเปิ้ลโดยไม่รู้ตัว งานพรีเซนต์ ที่คุณปล่อยให้สไลด์โดดเด่นกว่าตัวคุณนั้น มันช่างน่าเบื่อสิ้นดี เพราะคุณจะถูกกลืนหายไปพร้อมกับความมืดในห้องประชุม
4. สไลด์เรียบง่าย แต่ทรงพลัง
ความเรียบง่าย แต่ทรงพลังนั้น ใช้หลักการของวิถีแห่งเซน พูดง่ายๆคือ อย่าเยอะ อย่าจัดเต็ม ถ้าคุณต้องการทำสไลด์ ให้ดึงดูด คุณควรใส่สิ่งที่สำคัญจริงๆลงไปในสไลด์เท่านั้น อย่าใส่ตามใจฉัน เพิ่มอันนี้นิด ใส่อันนี้หน่อย เพื่ออยากให้ข้อมูลครบถ้วน ผมกำลังจะบอกคุณว่า คุณเข้าใจผิดอย่างมหันต์ สไลด์ที่เรียบง่าย แต่ทรงพลังนั้นเป็นอย่างไร อธิบายดังนี้
เทคนิคการทำสไลด์ให้ ว้าว สวย เข้าตากรรมการ
- ถ้ามีตัวเลข ข้อมูล กราฟ คุณควรใส่เฉพาะตัวเลข เท่านั้น
- เช่น ปีนี้เราสามารถจำหน่ายไอโฟนได้ทั้งสิ้น “37” ล้านเครื่อง
- ส่วนกราฟ ข้อมูล อัดแน่น คุณสามารถยกไปใส่ใน เอกสารการประชุมได้
- ไม่ควรใช้ ลูกเล่น เฟี้ยวฟ้าวมะพร้าวแก้ว หมุนไปหมุนมา น่าเวียนหัว ออกไปเล่นข้างนอก
- คุณอาจจะคิดว่ามันดูเท่ ดูมีสีสันลูกเล่นเยอะ แต่ในความเป็นจริง มันน่าเบื่อโคตร
- เพราะฉะนั้น ห้ามใส่ลูกเล่นเยอะ เอาแค่ Fade ข้อความเข้ามาก็ OK แล้วครับ
- ไม่ควรใช้ตัวการ์ตูน ใส่ลงในสไลด์ คุณไม่ได้พรีเซนต์ให้เด็กอนุบาลดูนะครับ
- ตัวการ์ตูน ไม่จำเป็นต้องใส่ ถ้าจะใส่ ให้ใส่รูปภาพคนเท่านั้น หรือ ภาพที่เกี่ยวกับบริษัทของคุณ
- พร้อมคำที่เป็น Keyword สำคัญ อธิบายรูปนั้น จะทำให้สไลด์ของคุณดูโปรมากขึ้นเลยทีเดียว
- เช่น รูปภาพเป้ายิง พร้อม Keyword สั้นๆว่า “ตั้งเป้ายอดขาย 1,000 ล้านบาท”
5. ทิ้งร่องรอยความประทับใจ
ขั้นตอนนี้เป็นส่วนสำคัญของการสร้างความประทับใจ คุณสามารถใช้เทคนิคนี้ ในชีวิตประจำวัน การทำงาน หรือ การทำธุรกิจของคุณได้เช่นเดียวกัน ร้อยละ 80 โดยส่วนใหญ่ นักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ ไม่ว่าเขาจะพบเจอใคร
พบกันโดยบังเอิญ หรือในงานสัมมนา ในงานเลี้ยง หรือประชุมสังสรรค์ ระหว่างเพื่อนร่วมธุรกิจ เขามักจะทิ้งร่องรอยความประทับใจไว้เสมอ โดยที่คุณอาจรู้ตัว หรือ ไม่รู้ตัวก็เป็นได้ และการทิ้งร่องรอยนี่แหละ นำมาสู่การได้ดีล ได้คอนเน็กชั่น ได้พาร์ทเนอร์ในอนาคต
- การทิ้งร่องรอย คุณสามารถทำได้ง่ายๆเช่น หากคุณพรีเซนต์งาน คุณต้องทำให้ผู้ฟัง จดจำคุณให้ได้
- สไตล์การพูด น้ำเสียง หรือ วิธีคิดในเรื่องนั้นๆ ทำให้คุณดูเป็นคนมีของ มีอะไรน่าค้นหา น่าติดตาม
- เทคนิคนี้จะทำให้คุณ โดดเด่นกว่าเพื่อนในที่ทำงาน เพราะเจ้านายจำคุณได้ และในขณะเดียวกัน
- คุณก็ต้องสร้างผลงานให้โดดเด่นด้วยเช่นเดียวกัน เสนอหน้าอย่างเดียวไม่ได้ คุณต้องมีผลงานเสนอด้วย
- อีกกรณีคุณสามารถทิ้งร่องรอยความประทับใจ ในงานสัมมนา โดยในงานสัมมนา
- ทุกงาน หรือในหลายๆงาน พิธีกร วิทยากร ที่บรรยาย ส่วนใหญ่มักจะพูดว่า “ใครมีคำถามสงสัยไหมครับ/คะ”
- จังหวะนี่แหละครับ ที่คุณจะได้ทำให้ตัวเองโดดเด่นกว่าคนอื่นในห้องสัมมนาเป็นร้อยๆคน
- ให้คุณแนะนำตัวไปเลยครับ ชื่ออะไร ทำอะไร ช่วยคนอื่นได้อย่างไร + คำถามที่คุณต้องการถาม
- ตัวอย่างเช่น สวัสดีครับ ผมชื่อ สันติ บำรุงสุข มาจากกรุงเทพฯ
- ปัจจุบันทำอาชีพ สอนให้คนอื่นรวยขึ้นด้วยเทคนิคการขาย 10 เด้ง ส่วนคำถามของผมก็คือ… ?
- หรือ ถ้าคุณมีโอกาสคุยกับใครก็ตาม ให้คุณสร้างกิมมิก ให้เขาจดจำคุณให้ได้ครับ
- เช่น ธุรกิจที่พี่ทำ ดีมากๆเลยครับพี่ แต่ถ้าพี่ต้องการสร้างยอดขายเป็น 2 เท่า ผมช่วยพี่ได้นะครับ
- เมื่อคุณได้ทิ้งร่องรอยความประทับใจไว้แล้ว คุณจะดึงดูด โดดเด่น เงินเข้ากระเป๋าปังๆอย่างแน่นอน ฟันธง!
หวังว่าคุณจะมั่นใจมากขึ้นในการพรีเซนต์งาน ผมเชื่อว่าคุณทำได้ แค่เตรียมตัวให้พร้อม ซักซ้อมให้ดี ยืนบนเวทีอย่างสง่างาม แต่งตัวภูมิฐานสร้างความน่าเชื่อถือ ทำให้ผู้คนเห็นคุณครั้งแรก (First Impression) ประทับใจทันที แม้ว่าคุณยังไม่ได้เอ่ยปากพูดแม้แต่คำเดียว นำเอาเทคนิคเหล่านี้ไปใช้ได้ผลเป็นอย่างไร อย่าลืมมาบอกผมด้วยนะครับ ขออวยพรให้คุณได้มีชีวิตที่ยอดเยี่ยม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น