วันเสาร์ที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2555

9 สูตรลดน้ำหนัก วิธีลดความอ้วน สำหรับสาวอยากผอม

9 สูตรลดน้ำหนัก วิธีลดความอ้วน สำหรับสาวอยากผอม


 


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

         ความอ้วนกับสาวๆ ดูเหมือนจะเป็นศัตรูคู่อาฆาตกันเลยใช่ไหมล่ะคะ ยิ่งถ้าเกิดใครมาทักว่า "นี่เธอดูอ้วนขึ้นรึเปล่าเนี่ย" คงจะถึงขั้นตัดเพื่อนตัดพี่น้องกันเลยทีเดียว อิอิ แต่ไม่ต้องกังวลไปหรอกค่ะ เพราะวันนี้เรารวบรวม สูตรลดน้ำหนัก เคล็ดลับ วิธีลดความอ้วน ภายในช่วงเวลาที่เราต้องการ ตั้งแต่ 3 วัน ถึง 1 เดือน มาฝากสาวๆ ด้วย เอ้า...ไหนมาดูซิ ว่ามี สูตรน้ำหนัก อะไรน่าสนใจบ้างเอ่ย
สูตรลดน้ำหนัก สูตรที่ 1: สูตรลดน้ำหนัก ของสมเด็จพระเทพฯ

         เป็นสูตรลดน้ำหนัก 7 วัน ค่ะ โดยก่อนรับประทานอาหาร ให้ดื่มน้ำก่อน 2 แก้ว และจัดอาหารแต่ละมื้อ ดังนี้

 วันที่ 1

          มื้อเช้า : น้ำผลไม้ หรือโยเกริต์
          มื้อกลางวัน : ไข่ต้มสองฟอง
          มื้อเย็น : สลัดผัก

 วันที่ 2

          มื้อเช้า : น้ำผลไม้หรือกาแฟไม่ใส่น้ำตาลไม่ใส่ครีม
          มื้อกลางวัน : ไข่ต้มสองฟอง
          มื้อเย็น : โยเกิรต์

 วันที่ 3

          มื้อเช้า : โยเกิรต์หรือกาแฟไม่ใส่น้ำตาลไม่ใส่ครีม
          มื้อกลางวัน : เกาเหลาลูกชิ้นหมู
          มื้อเย็น : สับปะรด 1 ชิ้น

วันที่ 4

          มื้อเช้า : ขนมปัง 1 แผ่น น้ำผลไม้หรือกาแฟไม่ใส่น้ำตาลไม่ใส่ครีม
          มื้อกลางวัน : สลัดผักและไก่ย่าง 1 ชิ้น
          มื้อเย็น : โยเกิรต์

วันที่ 5

          มื้อเช้า : น้ำผลไม้หรือกาแฟไม่ใส่น้ำตาลไม่ใส่ครีม
          มื้อกลางวัน : ส้มตำและไก่ย่าง 1 ชิ้น
          มื้อเย็น : สลัดผัก

วันที่ 6

          มื้อเช้า : น้ำผลไม้หรือกาแฟไม่ใส่น้ำตาลไม่ใส่ครีม
          มื้อกลางวัน : ปลานึ่งหรือปลาเผา
          มื้อเย็น : นมสด

วันที่ 7

          มื้อเช้า : ข้าวสวย 1 ทัพพี และหมูย่าง 1 ชิ้น หรือ ข้าวสวย 1 ทัพพี และไข่ต้ม 1 ลูก
          มื้อกลางวัน : เกาเหลาลูกชิ้นหมู
          มื้อเย็น : สับปะรด 1 ชิ้น

         ส่วนวันที่แปด มื้อเช้า มื้อกลางวัน มื้อเย็น สามารถรับประทานอาหารอะไรก็ได้ตามใจชอบ แต่ถ้าอยากลดน้ำหนักต่อให้เริ่มรับประทานเหมือนที่ทำตั้งแต่วันแรกค่ะ

 สูตรลดน้ำหนัก สูตรที่ 2  : สูตรลดน้ำหนัก 3 วัน

         โดยทั้งสามวัน คุณสาวๆ ต้องดื่มน้ำ 2 แก้ว ก่อนรับประทานอาหารทุกมื้อค่ะ และต้องรับประทานอาหารดังนี้

 วันที่ 1 

         ตื่นมา ถ่ายให้หมด และ ดื่มน้ำสะอาด  1 ลิตร
          มื้อเช้า : ขนมปังปิ้งจนแห้ง + ส้มขนาดกลางหวานไม่มาก + ดื่มชา หรือกาแฟ ไม่มีน้ำตาล
          มื้อกลางวัน : ไอศกรีม รสวนิลา 1 ลูก +แครอท น้ำบุรูท ประมาณ 50 กรัม + ดื่มชา หรือกาแฟ ไม่มีน้ำตาล
          มื้อเย็น : ปลาทูน่า + มะเขือเทศ สีดา 1 ผล + ดื่มชา หรือกาแฟ ไม่มีน้ำตาล

วันที่ 2
       
          มื้อเช้า :แก้วมังกร + แฮม 2 แผ่น + ดื่มชา หรือกาแฟ ไม่มีน้ำตาล
          มื้อกลางวัน :ไข่ต้มกินไข่ขาว + ถั่วฝักยาว ต้ม + ดื่มชา หรือกาแฟ ไม่มีน้ำตาล
          มื้อเย็น : ผักกาดต้ม + แคนตาลูบ ต้ม + ดื่มชา หรือกาแฟ ไม่มีน้ำตาล

 วันที่ 3

          มื้อเช้า : ปลาทูน่า + ส้มเขียวหวาน ขนาดเล็ก 1 ผล + ดื่มชา หรือกาแฟ ไม่มีน้ำตาล
          มื้อกลางวัน :แกงส้ม กินแต่ผัก + กินเปลือกกุ้ง + ดื่มชา หรือกาแฟ ไม่มีน้ำตาล
          มื้อเย็น : ขนมปังปิ้งจนแห้ง + ลูกพรุนแห้ง 2 ผล + ดื่มชา หรือกาแฟ ไม่มีน้ำตาล

         ระหว่างนี้ห้ามทานของมัน หรือของทอดเด็ดขาดค่ะ หลังจากรับประทานครบ 3 วันแล้ว สามารถรับประทานอาหารได้ตามปกติ

สูตรลดน้ำหนัก สูตรที่ 3: สูตรลดน้ำหนัก 3 วัน

         นี่ก็เป็นสูตรลดน้ำหนัก 3 วัน อีกเช่นกัน สำหรับสาวใจร้อน อยากลดน้ำหนักเร็วๆ โดยทั้งสามวัน คุณสาวๆ ต้องรับประทานอาหารดังนี้

วันที่ 1

          มื้อเช้า : ชาหรือกาแฟไม่ใส่น้ำตาล ส้มโอ 1/2 ผล ขนมปังปิ้ง 1 แผ่น ถั่วเหลืองในซอสมะเขือเทศ
          มื้อกลางวัน : ชาหรือกาแฟไม่ใส่น้ำตาล ปลาทูน่า 4 ออนซ์ (ประมาณ 115 กรัม)  ขนมปังปิ้ง 1 แผ่น
          มื้อเย็น : แฮม 2 แผ่น ถั่วฝักยาวต้ม 4 ออนซ์ ไอศกรีมวนิลา 4 ออนซ์ บีทรูทต้ม 4 ออนซ์
  
วันที่ 2

          มื้อเช้า : ชาหรือกาแฟไม่ใส่น้ำตาล ขนมปังปิ้ง 1 แผ่น ไข่ต้ม 1 ฟอง กล้วยหอม 1/2 ผล
          มื้อกลางวัน : ชาหรือกาแฟไม่ใส่น้ำตาล แคร๊กเกอร์ (แบบเค็ม) 5 แผ่น Coltage Cheese (คล้ายโยเกิร์ต) 120 กรัม
          มื้อเย็น : แฮม 2 แผ่น บร็อคคอลรี่ต้ม 4 ออนซ์ แครอทต้ม 4 ออนซ์ ไอศกรีมวนิลา 4 ออนซ์ กล้วยหอม 1/2 ผล
  
 วันที่ 3

          มื้อเช้า : ชาหรือกาแฟไม่ใส่น้ำตาล แคร๊กเกอร์ (แบบเค็ม) 5 แผ่น Cheddar Cheese 1 แผ่น แอ๊ปเปิ้ล 1 ผล
          มื้อกลางวัน : ชาหรือกาแฟไม่ใส่น้ำตาล ขนมปังปิ้ง 1 แผ่น ไข่ต้ม 1 ฟอง
          มื้อเย็น : ปลาทูน่า 4 ออนซ์ บีทรูทต้ม 4 ออนซ์ ไอศกรีมวนิลา 4 ออนซ์ ดอกกระหล่ำต้ม 4 ออนซ์ แคนตาลูป 1/2 ผล

หมายเหตุ

          1. ขนมปังปิ้งต้องปิ้งจนแห้ง ห้ามทาเนยหรือมาการีน
          2. แคร๊กเกอร์ต้องเป็นรสเค็ม
          3. ปลาทูน่าและถั่วฝักยาวสามารถแช่แข็งได้
          4. อาหารชุดนี้จะทำปฏิกิริยาทางเคมีซึ่งกันและกัน และพิสูจน์ได้

ข้อห้าม

          1. ห้ามเปลี่ยนแปลงหรือทดแทนอาหารอื่น ห้ามใช้เครื่องปรุงอื่น นอกจากเกลือและพริกไทย
          2. รายการใดที่ไม่ได้กำหนดไว้ชัดเจน ให้ใช้วิจารณญาณตามความเหมาะสม

         สูตรอาหารนี้ให้ใช้ติดต่อกัน 3 วัน ภายใน 3 วัน ควรลดน้ำหนักได้ 10 ปอนด์ หรือประมาณ 4.5 กิโลกรัม หลังจาก 3 วัน สามารถรับประทานอาหารได้ตามปกติค่ะ
 สูตรลดน้ำหนัก สูตรที่ 4 : สูตรลดน้ำหนัก 7 วัน

         สาวๆ ที่สนใจ สูตรลดน้ำหนัก 7 วัน ควรจัดอาหารรับประทานดังนี้

 วันที่ 1

          มื้อเช้า : ชาหรือกาแฟไม่ใส่น้ำตาล
          มื้อกลางวัน : ไข่ต้ม 2 ฟอง กับผักต้ม
          มื้อเย็น : สเต็กกับสลัดผักน้ำใส และผลไม้

 วันที่ 2
          มื้อเช้า : ชาหรือกาแฟไม่ใส่น้ำตาลกับขนมปังโฮลวีต 1 แผ่น
          มื้อกลางวัน : สเต็กหรือเนื้อหมู เนื้อวัวย่างก็ได้ กับสลัดผักเขียวและผลไม้
          มื้อเย็น : แฮมแผ่นต้มปริมาณเท่าใดก็ได้

 วันที่ 3

          มื้อเช้า : ชาหรือกาแฟไม่ใส่น้ำตาลกับขนมปังโฮลวีต 2 แผ่น
          มื้อกลางวัน : ไข่ต้ม 2 ฟอง และสลัดกับแครอท
          มื้อเย็น : แฮมแผ่นต้มปริมาณเท่าใดก็ได้

 วันที่ 4

          มื้อเช้า : ชาหรือกาแฟไม่ใส่น้ำตาลกับขนมปังโฮลวีต 1 แผ่น
          มื้อกลางวัน : ไข่ต้ม 1 ฟองกับแครอทต้ม
          มื้อเย็น : ผลไม้และโยเกิร์ตรสธรรมชาติ

 วันที่ 5
          มื้อเช้า : ชาหรือกาแฟไม่ใส่น้ำตาล
          มื้อกลางวัน : ปลาเผาหรือปลาย่างกับผักต้ม
          มื้อเย็น : สเต็ก หรือเนื้อย่างไม่ติดมัน กับสลัดผักสดน้ำใส

 วันที่ 6

          มื้อเช้า : ชาหรือกาแฟไม่ใส่น้ำตาล
          มื้อกลางวัน : ไก่ย่างไม่ติดหนัง
          มื้อเย็น : ไข่ต้ม 2 ฟอง กับแครอทต้ม

 วันที่ 7

          มื้อเช้า : กาแฟหรือชาบีบมะนาว แต่ไม่ใส่น้ำตาล
          มื้อกลางวัน : ผลไม้อะไรก็ได้ในปริมาณต้องการ
          มื้อเย็น : อะไรก็ได้ทุกอย่างที่อยากทาน ไม่จำกัดปริมาณ

 สูตรลดน้ำหนัก สูตรที่ 5 : สูตรลดน้ำหนัก ใน 13 วัน

         มาลองดูกันหน่อย สูตรลดน้ำหนัก ใน 13 วันมีอะไรบ้างเอ่ย

 วันที่ 1

          มื้อเช้า : กาแฟดำ 1 ถ้วย
          มื้อกลางวัน : ไข่ต้มแข็ง 2 ฟอง /ผักกาดต้ม 3 ขีด /มะเขือเทศสด 1 ผล
          มื้อเย็น : เนื้อไก่อบ 2 ขีด /สลัด /น้ำมะนาว

 วันที่ 2

          มื้อเช้า : กาแฟดำ 1 ถ้วย
          มื้อกลางวัน : เนื้อหมูอบ 2.5 ขีด /โยเกริ์ต 1 ถ้วย
          มื้อเย็น: เนื้อไก่อบ 2 ขีด /สลัด /น้ำมะนาว /ผลไม้ 1 ผล

 วันที่ 3

          มื้อเช้า : กาแฟดำ 1 ถ้วย/ ขนมปังปิ้ง 1 แผ่น
          มื้อกลางวัน : ไข่ต้มแข็ง 2 ฟอง /เนื้อหมูอบ 1 ขีด / สลัด /น้ำมะนาว
          มื้อเย็น : คื่นช่ายต้มสุก 3 ขีด/ มะเขือเทศ 1 ผล /ผลไม้ 1 ผล

 วันที่ 4

          มื้อเช้า : กาแฟดำ 1 ถ้วย /ขนมปังปิ้ง 1 แผ่น
          มื้อกลางวัน : น้ำส้มคั้น 1 แก้ว/ โยเกริ์ต 1 ถ้วย
          มื้อเย็น : ไข่ต้มแข็ง 1 ฟอง / แครอทสด 1 หัว/นมจืด 1 กล่อง

 วันที่ 5

          มื้อเช้า : แครอทสด 1 หัว(ราดด้วยน้ำมะนาว)
          มื้อกลางวัน : เนื้อปลากะพงนึ่ง 2 ขีด
          มื้อเย็น : เนื้อไก่อบ 2 ขีด /สลัด

 วันที่ 6

          มื้อเช้า : กาแฟดำ 1 ถ้วย/ขนมปังปิ้ง 1 แผ่น
          มื้อกลางวัน : ไข่ต้มแข็ง 2 ฟอง/ แครอทสด 1 หัว
          มื้อเย็น : เนื้อไก่อบ 2 ขีด/ สลัด /น้ำมะนาว

 วันที่ 7

          มื้อเช้า : ชา 1 ถ้วยไม่ใส่น้ำตาล/ ขนมปังปิ้ง 1 แผ่น
          มื้อกลางวัน : น้ำเปล่าอย่างเดียว
          มื้อเย็น : หมูอบ 2 ขีด / ผลไม้ 1 ผล

 วันที่ 8

          มื้อเช้า : กาแฟดำ 1 ถ้วย
          มื้อกลางวัน : ไข่ต้มแข็ง 2 ฟอง /ผักกาดต้ม 3 ขีด /มะเขือเทศสด 1 ผล
          มื้อเย็น : เนื้อไก่อบ 2 ขีด /สลัด /น้ำมะนาว

วันที่ 9

          มื้อเช้า : กาแฟดำ 1 ถ้วย
          มื้อกลางวัน : เนื้อหมูอบ 2.5 ขีด /โยเกริ์ต 1 ถ้วย
          มื้อเย็น : เนื้อไก่อบ 2 ขีด /สลัด /น้ำมะนาว /ผลไม้ 1 ผล

 วันที่ 10

          มื้อเช้า : กาแฟดำ 1 ถ้วย/ ขนมปังปิ้ง 1 แผ่น
          มื้อกลางวัน : ไข่ต้มแข็ง 2 ฟอง /เนื้อหมูอบ 1 ขีด / สลัด /น้ำมะนาว
          มื้อเย็น : คื่นช่ายต้มสุก 3 ขีด/ มะเขือเทศ 1 ผล /ผลไม้ 1 ผล

 วันที่ 11

          มื้อเช้า : กาแฟดำ 1 ถ้วย /ขนมปังปิ้ง 1 แผ่น
          มื้อกลางวัน : น้ำส้มคั้น 1 แก้ว/ โยเกริ์ต 1 ถ้วย
          มื้อเย็น : ไข่ต้มแข็ง 1 ฟอง / แครอทสด 1 หัว/นมจืด 1 กล่อง

 วันที่ 12

          มื้อเช้า : แครอทสด 1 หัว(ราดด้วยน้ำมะนาว)
          มื้อกลางวัน : เนื้อปลากะพงนึ่ง 2 ขีด
          มื้อเย็น : เนื้อไก่อบ 2 ขีด /สลัด

 วันที่ 13

          มื้อเช้า : กาแฟดำ 1 ถ้วย/ขนมปังปิ้ง 1 แผ่น
          มื้อกลางวัน : ไข่ต้มแข็ง 2 ฟอง/ แครอทสด 1 หัว
          มื้อเย็น : เนื้อไก่อบ 2 ขีด/ สลัด /น้ำมะนาว

สำหรับสูตรลดน้ำหนัก 13 วันนี้ มีข้อห้ามด้วยนะคะ สำคัญมากๆ คือ

          ใน 13 วันนี้ ห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เบียร์ เหล้า ไวน์ หมากฝรั่ง หรือขนมที่มีรสหวานเด็ดขาด

          หากเผลอทานนอกเหนือจากสูตร และต้องการจะเริ่มควบคุมอาหารใหม่อกครั้ง ต้องเริ่มทานสูตรนี้ใหม่ หลังจาก 6 เดือนไปแล้ว

          หากควบคุมอาหารตามสูตรได้แล้วถึงวันที่ 6 แต่ล้มเหลว จะสามารถเริ่มทานอาหารสูตรนี้ใหม่ได้ เมื่อผ่าน 3 เดือนไปแล้ว

          หากทานอาหารตามสูตรนี้ได้ครบ 13 วันแล้ว ยังต้องการจะควบคุมอาหารอีก ควรทำหลังจาก 1 ปีไปแล้ว หรือถ้าเลย 2 ปีไปได้ จะดีที่สุดค่ะ

นอกจากนี้ สูตรลดน้ำหนัก 13 วัน ยังมีรายละเอียดปริมาณอาหารที่กำหนดไว้คือ
          1.กาแฟดำ.. ให้ใส่น้ำตาลได้ 1 ช้อน ถ้าไม่ใส่ได้ จะดีที่สุดค่ะ
          2.ผักต้ม.. ถ้าใช้ผักขมไทยได้จะดีมาก หรือถ้าหาไม่ได้ก็ใช้ผักกาดขาว หรือผักกวางตุ้งแทนก็ได้
          3.มะเขือเทศสด.. ถ้าผลใหญ่ให้ทาน 1 ผล ถ้าผลเล็กให้ทาน 2-3 ผล
          4.เนื้อไก่อบ..ใช้เนื้อสัน หรือเนื้อหน้าอกที่ไม่ติดมันหรือหนังเลย 2 ขีด ส่วนเนื้อหมูก็ต้องไม่ติดมันเลยเหมือนกัน
          5.สลัด..ใช้ผักกาดหอม 1 ต้นเล็ก หอมใหญ่ 1 หัว แตงกวา 2 ลูก นำมาหั่นรวมกันจะได้ประมาณ 1 จาน แล้วราดด้วยน้ำสลัดใสเท่านั้น 1 ถ้วย (ประมาณ 3-4 ช้อนโต๊ะ)
          6.น้ำมะนาว..ใช้มะนาวสด 1-2 ลูก คั้นเอาน้ำ แล้วชงน้ำร้อนใส่เกลือ (ใส่น้ำแข็งก็ได้)
          7.โยเกิร์ต..รสจืด (รสธรรมชาติ) จะดีที่สุด
          8.ผลไม้สด 1 ผล..ให้เลือกทานคือ ส้ม ชมพู่ แอปเปิ้ล ฝรั่ง หรือผลไม่ที่ไม่เป็นแป้งและต้องไม่หวาน
          9.ปลานึ่ง..ใช้ปลาช่อนแทนปลากระพงได้ แต่ไม่ว่าปลาอะไรก็จะต้องไม่ติดหนังเลย
          10.ไข่ต้ม..ต้องต้มให้สุกๆ เลยค่ะ
          11.น้ำเปล่าดื่มได้ทั้งวัน วันละ 1-2 ลิตร ถ้าหิว..ให้ดื่มน้ำเปล่าได้อย่างเดียว "เท่านั้น" เพราะน้ำเปล่าสามารถดื่มได้ทั้งวัน เท่าไหร่ก็ได้ค่ะ

 สูตรลดน้ำหนัก สูตรที่ 6: สูตรลดน้ำหนัก ใน 2 สัปดาห์

         หากสาวใดคิดว่า 3 วัน 7 วัน เร็วไป กลัวไม่ได้ผลล่ะก็ มาลอง สูตรลดน้ำหนัก 2 สัปดาห์กันดีกว่า โดยตลอด 2 สัปดาห์ ให้จัดมื้ออาหาร และปฏิบัติตัวดังนี้
          1. มื้อเช้ากินไข่ต้ม 1 ฟองหรือโยเกิร์ต 1 ถ้วย
          2. มื้อกลางวันกินสลัดผัก 1 จาน หรือส้มตำ 1 จาน (อย่าปรุงรสหวานนะคะ)
          3. มื้อเย็นกินแอปเปิ้ล 1 ผล หรือแฮมนึ่ง 1 แผ่น
          4. งดอาหารหลัง 6 โมงเย็น ถ้าหิวให้ดื่มน้ำมากๆ แทน
          5. เต้นแอโรบิก 60 นาที 4 ครั้งต่อสัปดาห์

         ทำตามนี้ทุกวัน เป็นเวลา 2 สัปดาห์ รับรองว่า น้ำหนักส่วนเกินของคุณสาวๆ หายไปในพริบตาแน่นอน

 สูตรลดน้ำหนัก สูตรที่ 7  : สูตรลดน้ำหนัก ใน 2 สัปดาห์

         นี่ก็เป็น สูตรลดน้ำหนัก ในสองสัปดาห์อีกเช่นกัน โดยแต่ละวันให้จัดอาหาร คือ

 วันที่ 1

          มื้อเช้า : กาแฟไม่ใส่น้ำตาล
          มื้อกลางวัน : ไข่ต้ม 2 ฟอง และ ผักขมจีน นำไปทำอะไรก็ได้ โดยใส่เกลือน้อยๆ
          มื้อเย็น : เนื้อสันทอดน้ำมันน้อยๆ (น้ำมันมะกอกจะดีที่สุด) , สลัดผักเขียว และผลไม้อะไรก็ได้ตามต้องการ

 วันที่ 2

          มื้อเช้า : กาแฟดำ และ ขนมปัง 1 ก้อน (ขนมปังปกติ 3 แผ่น)
          มื้อกลางวัน : สเต็กก้อนใหญ่ และ สลัดผักเขียว และ ผลไม้ตามใจชอบ
          มื้อเย็น : แฮมต้มตามต้องการ

 วันที่ 3

          มื้อเช้า : กาแฟดำ และ ขนมปังก้อน 2 ก้อน
          มื้อกลางวัน : ไข่ต้ม 2 ฟอง และ สลัดมะเขือเทศตามต้องการ
          มื้อเย็น : แฮมต้มตามต้องการ

 วันที่ 4
          มื้อเช้า : กาแฟดำ และ ขนมปังก้อน 1 ก้อน
          มื้อกลางวัน : ไข่ต้ม 1 ฟอง และ หัวแครอทต้มกินกับเนยแข็ง (เนยสวิส)
          มื้อเย็น : ผลไม้ และ โยเกิร์ตเปรี้ยว

วันที่ 5

          มื้อเช้า : แครอทต้มใส่น้ำมะนาว และกาแฟดำ
          มื้อกลางวัน : ปลานึ่ง และ มะเขือเทศ
          มื้อเย็น : สเต็ก และ สลัดผักเขียว

 วันที่ 6

          มื้อเช้า : กาแฟดำ และ ขนมปังก้อน 1 ก้อน
          มื้อกลางวัน : ไก่ย่างตามต้องการ
          มื้อเย็น : ไข่ต้ม 2 ฟอง และ แครอทต้ม

 วันที่ 7

          มื้อเช้า : ชาใส่มะนาว
          มื้อกลางวัน : ผลไม้ตามต้องการ
          มื้อเย็น : รับประทานอาหารตามปกติ

         พอวันที่ 8 ก็ให้ย้อนกลับไปรับประทานอาหารตามวันที่ 1 ใหม่ หากทำครบ 2 สัปดาห์แล้ว สาวๆ ควรจะลดน้ำหนักลงไปได้อย่างน้อย 7 กิโลกรัมค่ะ และที่สำคัญระหว่างลดน้ำหนัก ห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และน้ำอัดลมเด็ดขาดค่ะ
สูตรลดน้ำหนัก สูตรที่ 8 : สูตรลดความอ้วนจากฝรั่งเศส 24 วัน

         สูตรนี้ส่งตรงมาจากเมืองน้ำหอมเลยทีเดียว กับสูตรลดความอ้วน 24 วัน โดย อาหารของเก้าวันแรกประกอบด้วย
          มื้อเช้า : ส้มโอ และกาแฟ หรือชา

          มื้อกลางวัน : เป็นเนื้อสัตว์ล้วนๆ ไม่มีข้าว ไม่มีผัก ไม่มีนม และไข่ สามารถใส่ซอสได้ กินได้มากเท่าที่ต้องการไม่จำกัด แต่มีข้อแม้ว่าในหนึ่งมื้อให้กินเนื้อสัตว์เพียงชนิดเดียวเท่านั้นค่ะ เช่น หมูล้วน ไก่ล้วน ปลาล้วน เพื่อให้กระเพาะอาหารสามารถทำงานได้ดี มากกว่าการกินปนกันที่จะทำให้กระเพาะอาหารทำงานหนักขึ้น โดยเนื้อสัตว์นั้น เนื้อหมูจะมีไขมันมากที่สุด ตามมาด้วยเนื้อวัว ส่วนอาหารทะเลจะมีไขมันน้อย นอกจากนี้อาหารต้ม นึ่ง เผา จะมีแคลอรีน้อยกว่าอาหารทอด เช่นนั้นแล้ว ลองเลือกดูนะคะว่า จะทานอะไร

         อาหารแนะนำคือสเต็กพริกไทย ปลาสำลีเผา กุ้งอบเกลือ สตูว์เนื้อไม่ใส่ผัก ปลากระพงย่างบีบมะนาว หมูทอดกระเทียม แกงจืดหมูสับล้วน ระวังอย่ากินผักและข้าวเป็นพอ

          มื้อเย็น : ให้กินแต่ข้าวกล้องล้วนๆ แต่สามารถเติมซอสได้ ผัดกับกระเทียมได้ ใส่ซีอิ้ว พริกไทยได้หมดค่ะ แต่ห้ามไม่ให้มีนมกับไข่ผสมเด็ดขาด ผักและเนื้อสัตว์กินไม่ได้เช่นกัน อาหารแนะนำ คือ ข้าวผัดกระเทียมใส่ซีอิ๊วขาว ข้าวผัดกะปิ ข้าวคลุกมันกุ้ง ข้าวผัดมันปู ข้าวคลุกน้ำพริกตาแดง ข้าวคลุกน้ำพริกต่างๆ ข้าวคลุกพริกป่นบีบมะนาว

         สามวันต่อมา แม้ว่า น้ำหนักของคุณสาวๆ จะเริ่มลดไปบ้างแล้ว แต่ยังหยุดไม่ได้ค่ะ ต้องรับประทานต่อ โดย มื้อเช้ายังคงเหมือนเดิมค่ะ ส่วนมื้อกลางวันและเย็นเป็นผลไม้ล้วนๆ ห้ามมีอย่างอื่นมาเกี่ยวข้อง จะทานผลไม้อะไรก็ได้ ทุเรียน มะม่วง ก็ไม่ว่า (แต่น้ำหนักอาจลดน้อยกว่าที่ควร) และต้องกินเป็นมื้อ อย่ากินจุบจิบ

         เก้าวันชุดที่ 2 อาหารเช้าเหมือนเดิมค่ะ ส่วนมื้อที่เหลือเป็นผักล้วน มันฝรั่ง เผือก ข้าวโพด ทานได้ค่ะ อาหารแนะนำ ได้แก่ คะน้าผัดน้ำมันหอย ผักนึ่งจิ้มน้ำพริก ผัดผักทุกอย่าง สลัดผักน้ำใส (ที่ไม่ใส่นม ไข่ และน้ำตาล)

         และสามวันสุดท้าย มื้อเช้าเหมือนเดิมค่ะ ส่วนมื้อกลางวันและเย็นให้ทานเป็นผลไม้ล้วนๆ

         ถ้าทำได้ครบและเคร่งครัด รับรองว่า น้ำหนักของคุณสาวๆ ลดได้แน่ๆ เลย แต่มีควรข้อระวังนะคะ หากนับวันผิด หรือเผลอทานนอกเหนือจากที่กำหนดไป ก็ต้องกลับมาเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่อีกค่ะ และถ้าครบ 24 วันแล้ว ก็สามารถกลับไปทานอาหารแบบเดิมได้  แต่ถ้าอยากผอมตลอด โดยไม่อยากควบคุมปริมาณอาหาร ก็สามารถใช้วิธีนี้ได้คือ

          หากจะทานเนื้อ ให้ทานเนื้อชนิดเดียวกัน และให้กินร่วมกับผัก ห้ามกินรวมกับพวกแป้ง

          หากจะกินอาหารพวกแป้ง เช่น ข้าว ก็ไม่ควรทานพร้อมกับโปรตีน ให้ทานกับผักแทน

          ผลไม้จะทานในปริมาณเท่าไหร่ก็ได้ค่ะ เพราะเป็นอาหารที่ใช้เวลาอยู่ในกระเพาะน้อย แต่เป็นอาหารหนัก ทำให้อิ่มนาน ดังนั้นเพื่อสุขภาพควรทานผลไม้ก่อนทานอาหารหลัก ประมาณ 15-30 นาที เพื่อให้ผลไม้ไปตัดกำลังอาหารหลักนั่นเอง เราก็จะทานอาหารได้น้อยลง
สูตรลดน้ำหนัก สูตรที่ 9 : สูตรลดน้ำหนักใน 1 เดือน

      


 ใครชอบสูตรลดน้ำหนักระยะยาว ต้องลองสูตรลดน้ำหนัก ใน 1 เดือนค่ะ โดยจะมีรายการอาหารเช้า กลางวัน เย็น และผลไม้ ให้เลือกเป็นข้อๆ แต่ละวันก็เลือกมามื้อละ 1 ข้อ และผลไม้ 1 อย่างค่ะ ส่วนผักจะทานเท่าไหร่ก็ได้ ไม่จำกัดจำนวน ส่วนอาหารแต่ละมื้อ มีอะไรให้เลือกบ้าง ไปดูกัน
 มื้อเช้า
          1. กาแฟดำ 1 ถ้วย และ ขนมปังโฮลวีท 1 แผ่น
          2. นมพร่องมันเนย 1 แก้ว และ ขนมปังโฮลวีท 1 แผ่น
          3. โยเกิรต์ไขมันต่ำ 1 ถ้วย
          4. ขนมปังทาน้ำผึ้ง 1 แผ่น
          5. ข้าวต้มไก่, กุ้ง 1 ถ้วย ไม่ใส่น้ำมัน หรือ กระเทียมเจียว (ข้าวปริมาณ 1 ทัพพีเล็ก)
          6. ผลไม้

 มื้อกลางวัน และมื้อเย็น

          1. ข้าวสวย 1 ทัพพี และ แกงส้ม, แกงเลียง, แกงป่า (เลือกมา 1 อย่าง แต่ห้ามทานแกงกะทิเด็ดขาด)
          2. ข้าวสวย 1 ทัพพี และ ต้มจืดตำลึง (อาจเปลี่ยนเป็นผักอย่างอื่นก็ได้ ไม่ใส่น้ำมัน)
          3. ข้าวสวย 1 ทัพพี และ เกาเหลาผักเยอะๆ 1 ถ้วย
          4. ข้าวสวย 1 ทัพพี และ น้ำพริก, ผักสด, ผักลวก (ไม่จำกัดปริมาณผัก)
          5. ข้าวสวย 1 ทัพพี และ ไข่ต้ม 1 ฟอง และผักไม่จำกัดปริมาณ
          6. ขนมจีน 1 จับ และ น้ำยาป่า และ ผักไม่จำกัดปริมาณ (ห้ามทานน้ำกะทิ)
          7. ข้าวเหนียว 1 ปั้น และ ส้มตำไม่ใส่น้ำตาล ไก่ย่าง 1 ไม้ ไม่ติดมัน และหนัง
          8. สลัดผัก (ไก่, กุ้ง, ไข่) โดยน้ำสลัดต้องเป็นน้ำใสถ้าจะเป็นน้ำข้นต้องเป็นชนิดไขมันต่ำ 1 จาน
          9. สเต็ก หมู, ไก่, ไม่ติดมัน และ ผักไม่จำกัดปริมาณ
          10. ผลไม้
ผลไม้
          1. สัปปะรด 1 จานเล็ก
          2. ส้มโอ 1 จานเล็ก
          3. ฝรั่ง 1 ลูก
          4. ส้มเขียวหวาน 2 ลูก
          5. แอปเปิ้ล 1 ลูก
          6. แตงโม 1 จานเล็ก
          7. มะละกอ 1 จาน

วันศุกร์ที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2555

Man Walks All Day to Create Snow Patterns

Simon Beck ศิลปินหิมะ? 
เขาสรรสร้าง ผลงาน ด้วยขาของเขาบนแผ่นน้ำแข็ง ที่น่าทึ่งมากๆ 
ด้วยการใช้เท้าของเขาวาดลวดลาย กับหิมะเป็นภาพที่สวยงาม
ความพยายามล้นเหลือจริงๆ


Artist Simon Beck must really love the cold weather! Along the frozen lakes of Savoie, France, he spends days plodding through the snow in raquettes (snowshoes), creating these sensational patterns of snow art. Working for 5-9 hours a day, each final piece is typically the size of three soccer fields! The geometric forms range in mathematical patterns and shapes that create stunning, sometimes 3D, designs when viewed from higher levels.
How long these magnificent geometric forms survive is completely dependent on the weather. Beck designs and redesigns the patterns as new snow falls, sometimes unable to finish a piece due to significant overnight accumulations. Interestingly enough, he said, 'The main reason for making them was because I can no longer run properly due to problems with my feet, so plodding about on level snow is the least painful way of getting exercise. Gradually, the reason has become photographing them, and I am considering buying a better camera.” Spectacular art for the sake of exercise!


ลวดลายสวยมากๆเลย







ภาพถ่ายจากมุมสูง







วันพฤหัสบดีที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2555

Lonely Planet's Top 10 Cities for 2012




Lonely Planet’s Best in Travel: Top 10 cities for 2012

1. London
London is going for the knock-out blow in 2012. The Olympics are riding into town and a whole swath of the capital is being transformed in the process. London’s east will be thrust into the spotlight but the rest of the capital will be rolling out the red carpet too. Seeing Tower Bridge lift its bascules to let a tall ship pass beneath is all stately grace, as opposed to your first rush-hour trip on the tube, getting up close and personal with strangers of every colour, creed and nationality. Mind the gap! Whoever you cheer for, you won’t be alone in this most international of cities.


2. Muscat

Oman is firing on all fronts to attract international visitors, expanding everything from its museums to its resorts. Muscat is the focus for the revamp, with cultural events, luxury accommodation and aquatic activities taking centre stage. This year it’s all about Qurum’s trendy designer outlets, Old Town souks and wacky water sports enlivening its coastline alongside traditional dhows. Muscatis are still genuinely interested to see visitors, so much so that first-timers might have the odd feeling of returning to the house of an old friend. ‘Tomorrow will be a new dawn on Muscat,’ the Sultan pledged upon attaining power in 1970. Today in Muscat, the sun has well and truly risen.


3. Bengaluru (Bangalore)

The undisputed Elvis of South Asian megacities, Bengaluru is in a class of its own when it comes to redefining flamboyance. Perpetually drunk on the good life, this South Indian metropolis packs in the best brews, the scrummiest cuisines, and the liveliest arts and music scene, not to mention the hippest population you could hang out with. This year, evenings in the ‘capital of cool’ are poised to get even more intoxicating. And if the maddening traffic has always been your concern, take heart: Bengaluru’s new high-speed Metro network now ensures that your favourite watering hole is easier to reach than ever. There’s only one thing you could say to that: ‘Chill maadi!’


4. Cádiz

It might normally look like a peaceful pocket of old-world Spain, complete with old men in flat caps shuffling about in cafe-lined squares. But once a year, sleepy Cádiz undergoes a Superman-like transformation and hosts Spain’s most raucous carnival – a 10-day bender of drinking, singing and dancing. The locals are famed throughout Spain for their wit, and this is put to the test during February’s carnival where groups wearing lipstick and neon wigs perform satirical skits. Cádiz has found itself named Ibero-American Capital of Culture for 2012 – the first time a European city has held the honour. It may not pull the same crowds as Seville or Córdoba, but few places embody the spirit of gutsy Andalucían living like Cádiz.

5. Stockholm

The film release of The Girl with the Dragon Tattoo might have prompted a new wave of Stieg Larsson fans to look for the grimy side of Stockholm. Unfortunately they’ll have to look quite hard, because Stockholm looks as perfect as it’s ever been. This is as seductive a capital city as can be imagined – cosy yet cosmopolitan, wilfully alternative and effortlessly picturesque. With its trendy design shops and bohemian bars, the island of Södermalm is one of the coolest kids on the block, while the stately parks of Djurgården make it the best island for an evening stroll. Admittedly Stockholm has never been a cheap date. But even if Stockholm leaves you with a lighter wallet, you’ll inevitably still leave it with a heavy heart.


6. Guimarães

This northern Portugal city is breathtakingly beautiful, as recognised by its place on the Unesco World Heritage List, yet mysteriously it doesn’t figure on the radars of many foreign visitors. The old city is a beguiling tangle of medieval, red-roofed, colonnaded buildings, punctuated by awe-inspiring mansions and palaces, and centred on a spikily crenellated castle. Now is the moment to visit, as the city has been anointed the European Capital of Culture in 2012. Building on an already impressive cultural scene and fired up by its significantly youthful population, the city will be a hot spot of artistic endeavour throughout the year, with creative artists gathering from across Portugal and Europe to showcase their work.


7. Santiago

Calamity came calling to Chile, first through an 8.8-magnitude earthquake and later when 33 miners were trapped in the country’s north. With the world watching, Chile displayed its defiant optimism, and these experiences have seemed to ignite a seismic shift in the capital. Culture and sports have come to the fore and new museums have opened to acclaim. Dining is now top-notch, nightlife exhilarating and this year also marks the inauguration of the tallest building on the continent, the 70-storey Torre Gran Costanera. Day trippers can scale an Andean peak in summer, ski its powder-clad slopes in July, or cycle through the idyllic vineyards of the Casablanca, Maipo and Colchagua valleys. Visit Santiago and you’ll feel the buzz.


8. Hong Kong

The mood in China’s most liberated city is edgier and more vocal than ever. This will be a particularly exciting year for Hong Kong, as it continues its march towards full democracy. Rallies are infused with theatrics and eruptions of song, dance and poetry, reflecting the city’s vibrant indie music and literary scenes. Enjoy views of skyscrapers marching up hills from the Star Ferry, before challenging your senses at a wet market or divining your future at a temple. Go shopping, gallery hopping and check out the bars of Soho. Explore walled villages or go hiking on Asia’s most breathtaking trails. Whatever you do, sprinkle your day generously and boldly with some of the city’s 11,000 restaurants.


9. Orlando

Orlando Florida
This should be a great year for Orlando as it’s hosting the 61st NBA All-Star Weekend  (25 and 26 February). The hippest sporting event in the USA , it brings much of the basketball and music worlds together for slam-dunk contests, after-hours parties and concerts, as well as the all-star game itself. Most visitors will head for the theme parks but it’s worth poking around the city, too. Keep an eye on the boho ‘Milk District’, a neighbourhood on the rise with its motley crew of eateries, bars serving microbrews, bookshops and tattoo parlours, just a short drive east of downtown. Orlando, hip? Who knew?

10. Darwin


It was once easy to dismiss Darwin as a frontier town full of brawling fishermen, dreamy hippies and redneck truckers. But with a pumping nocturnal scene, magical markets and restaurants, and world-class wilderness areas just down the road, today Darwin is the triumph of Australia’s Top End. Beat the crowds to the redeveloping Waterfront Precinct with its wave pool, bars and wharf eateries; or score some brilliant Indigenous art before East Coast galleries snap it up and charge double. Nose your way through the food stalls at Mindil Beach Sunset Market, then watch the sun melt into the Timor Sea. When southern Australia is chilling through winter, here it’s blue skies, party nights and sleeping late.




www.lingothailand.com 

Bangkok Time Lapse







วันนี้มี Time-lapse video มาฝากกัน (อีกแล้วค่ะ) 
คราวนี้เป็น time lapse ของกรุงเทพค่ะ
ไปดูกันเลย ^_^



www.lingothailand.com