20 อาหารที่อุดมไปด้วยไบโอตินสำหรับบำรุงผมและเล็บ
credit: www.bembu.com/biotin-foods
credit: www.bembu.com/biotin-foods
1. เห็ด
เห็ดนับเป็นสุดยอดอาหารคุณภาพ หากคุณกังวลเกี่ยวกับระดับไบโอตินในร่างกาย ต้องไม่ลืมใส่เห็ดเป็นส่วนประกอบของอาหารในแต่ละมื้อ แต่ไม่ควรปรุงสุกเกินไป นอกจากเห็ดจะเป็นแหล่งไบโอตินชั้นดีแล้ว ยังอุดมไปด้วยสารอาหารและแร่ธาตุต่างๆอีกมากมาย
2. ปลาทูน่า
ปลาทูน่าอุดมด้วยไบโอตินและมีสารอาหารที่มีประโยชน์มากมาย ไม่ว่าจะเป็นโปรตีนและโอเมก้า 3 แต่ไม่ควรบริโภคมากเกินไปเนื่องจากปรอทในปลาทูน่าจะกลายเป็นโทษต่อร่างกาย
3. ไก่งวง
ไก่งวงเป็นทั้งแหล่งโปรตีนชั้นดีในการเสริมสร้างกล้ามเนื้อและเป็นแหล่งไบโอตินที่ชาวอเมริกันส่วนใหญ่ชื่นชอบ เนื้อหน้าอกไร้หนังไร้กระดูกของไก่งวงที่ถูกนำไปอบคืออาหารเพื่อสุขภาพซึ่งจะช่วยลดระดับไขมันในร่างกาย
4. อะโวคาโด
อะโวคาโดมีส่วนประกอบของวิตามิน แร่ธาตุ และสารอาหารที่มีประโยชน์หลายชนิด เช่นโปรตีนและไฟเบอร์ นอกจากนี้ยังมีสัดส่วนที่สมดุลของไขมัน ทั้งไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวและไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน รวมทั้งไบโอตินที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย
5. ผักสวิสชาร์ด
ผักสวิสชาร์ดมักถูกมองว่ามีคุณประโยชน์ด้อยกว่าผักใบเขียวชนิดอื่น เช่น ผักโขมหรือคะน้า แต่อันที่จริงแล้วมันจะช่วยรักษาระดับไบโอตินในร่างกายคุณ อีกทั้งยังเต็มไปด้วยเส้นใย แมกนีเซียม และวิตามิน C คุณสามารถนำไปผักสวิสชาร์ดไปปรุงในสลัดหรือปั่นเป็นสมูทตี้เพื่อสุขภาพก็ย่อมได้
6. ไข่
ยังเป็นที่สรุปไม่ได้แน่ชัดว่าไข่ดีต่อสุขภาพของคนเราหรือไม่มากน้อยเพียงใด แต่สิ่งหนึ่งที่แน่นอนคือไข่อุดมไปด้วยไบโอติน โปรตีน และสารอาหารอื่นๆอีกมากมาย รวมถึงช่วยเพิ่มระดับคลอเรสเตอรอลตัวร้ายให้กับร่างกายคุณได้อีกด้วย
7. ปลาแซลมอน
ใครๆก็บอกว่าปลาแซลมอนเป็นอาหารที่มีโปรตีนและโอเมก้า 3 สูงมาก แต่ปลาแซลมอนยังมีประโยชน์มากกว่านั้น ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพแนะนำว่าการรับประทานปลาแซลมอนบ่อยๆจะมีคุณสมบัติช่วยป้องกันการอักเสบ ทั้งยังอุดมไปด้วยไบโอตินอีกด้วย
8. เมล็ดทานตะวัน
เมล็ดทานตะวันเป็นแหล่งรวมแร่ธาตุชั้นดี ไม่ว่าจะเป็นแมกนีเซียมหรือวิตามินอย่างไบโอติน พยายามรับประทานแบบธรรมชาติเพื่อหลีกเลี่ยงไขมันส่วนเกินหรือแคลอรี่และสารเคมีซึ่งจะมาพร้อมกับเมล็ดทานตะวันที่ผ่านการอบแห้งแล้ว
9. ตับ
การรับประทานตับวัวจะแตกต่างจากการรับประทานเนื้อวัวเนื่องจากตับวัวมีแร่ธาตุและวิตามินมากกว่า เช่น ธาตุเหล็กและแมกนีเซียม
10. เนยถั่ว
หากคุณชอบรสชาติของเนยถั่ว คุณคงดีใจที่ได้รู้ว่าเนยถั่วมีคุณประโยชน์ของไบโอติน นอกจากนี้ยังมีโปรตีนและแคลอรี่สูงแม้จะบริโภคในปริมาณเพียงนิดเดียว
11. ชีส
ชีสมักจะถูกหั่นเป็นชิ้นเล็กๆเมื่อนำมาประกอบอาหารเนื่องจากมีไขมัน แคลอรี่ และโซเดี่ยมที่สูงมาก แต่หากใช้ในปริมาณที่จำเป็นก็จะเป็นแหล่งไบโอตินชั้นดี รวมทั้งอุดมไปด้วยแคลเซี่ยมกับวิตามิน B12 อีกด้วย
12. กะหล่ำดอก
กะหล่ำดอกจัดเป็นอาหารที่มีคุณประโยชน์หลากหลาย และมีสรรพคุณช่วยในการรักษาโรค เช่น โรคมะเร็งและโรคหัวใจ นอกจากนี้ยังสามารถใช้กะหล่ำดอกมาทำแทนมันฝรั่งบดหรือขอบพิซซ่าเพื่อหลีกเลี่ยงกลูเต็น
13. ขนมปังโฮลวีต
ขนมปังโฮลวีตเป็นทั้งแหล่งไบโอตินชั้นยอด แหล่งโปรตีน และยังอุดมไปด้วยธาตุเหล็ก
14. ปลาซาร์ดีน
ปลาซาร์ดีนประกอบด้วยโอเมก้า 3 อีกทั้งมีคุณค่าทางโปรตีน วิตามิน และแร่ธาตุต่างๆ เช่น ไบโอติน ที่สำคัญเมื่อเทียบกับปลาชนิดอื่นแล้วปลาซาร์ดีนอาจจะมีปริมาณไขมันสูงกว่าเล็กน้อย
15. ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่
ไม่สำคัญว่าจะเป็นเบอร์รี่ชนิดใดที่คุณรับประทานเข้าไป แต่ขอรับรองได้ว่าคุณได้รับไบโอตินอย่างเพียงพอแน่นอน เบอร์รี่ส่วนใหญ่ เช่น แบล็คเบอร์รี่ บลูเบอร์รี่ และสตรอเบอร์รี่จะมีสารต้านอนุมูลอิสระสูงซึ่งช่วยทำให้ร่างกายแข็งแรง และห่างไกลจากโรคภัยต่างๆ เช่น โรคมะเร็งและโรคหัวใจ
16. อัลมอนด์
อัลมอนด์คืออาหารว่างที่สามารถรับประทานได้ทุกที่ทุกเวลา และทำให้คุณลืมอาหารขยะอย่างมันฝรั่งทอดไปได้เลย อัลมอนด์คือแหล่งไบโอตินชั้นเลิศ อุดมด้วยแคลเซี่ยมและไขมันที่มีประโยชน์ แต่หลีกเลี่ยงการบริโภคในปริมาณที่มากเนื่องจากมีแคลอรี่สูง
17. กล้วย
หากต้องการเสริมสร้างพลังงานในแต่ละวัน เรามักได้รับคำแนะนำให้รับประทานกล้วยเพื่อให้ได้รับโปแตสเซียมอย่างเพียงพอ นอกจากนี้กล้วยยังมีเส้นใยเพื่อช่วยในการย่อยอาหาร สามารถนำไปประกอบอาหารได้หลากหลายหรือนำไปปั่นเป็นสมูทตี้เพื่อเพิ่มความหวานให้กับร่างกาย
18. เนื้อหมู
เนื้อหมูอาจไม่ใช่อาหารเพื่อสุขภาพที่ดีที่สุดแต่ก็ประกอบด้วยไบโอตินในปริมาณที่สูงกว่าอาหารชนิดอื่น หากคุณเลือกเนื้อหมูส่วนที่ไม่มีมันคุณจะได้รับโปรตีนในปริมาณที่กำลังดีขณะที่แคลอรี่ก็ลดลงอีกด้วย
19. ถั่วเหลือง
ถั่วเหลืองอุดมไปด้วยไบโอตินและสารอาหารที่มีประโยชน์สำคัญ เช่น โปรตีนและไฟเบอร์ ที่สำคัญเรายังสามารถนำถั่วเหลืองไปใช้ทดแทนเนื้อสัตว์ได้ด้วย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น