4 ขั้นตอนดื่มน้ำอย่างถูกวิธี...ชีวีเป็นสุข
division.dwr.go.th
น้ำ คือตัวการสำคัญที่ทำให้คนเราเจ็บป่วย แต่ละคนดื่มกินน้ำที่แตกต่างกันไปมีทั้งน้ำธรรมดา น้ำเย็น น้ำร้อน น้ำชา อัดลม น้ำผลไม้ น้ำนม ผลที่ได้จากการดื่มน้ำนั้นก็จะแตกต่างกันออกไป อีกทั้งจำนวนมาก – น้อย จังหวะเวลาในการดื่มน้ำก็ไม่เหมือนกัน ซึ่งอาจก่อให้เกิดอาการโรคต่างๆได้ มีเคล็ดลับดีๆ ในการดื่มน้ำแบบง่ายๆ ที่ทุกท่านสามารถทำได้ด้วยตัวเอง
ขั้นตอนที่ 1. ดื่มน้ำให้เพียงพอกับน้ำหนักตัวร่างกายคนเรานั้นประกอบด้วยน้ำ 60 – 70 % เมื่อเทียบกับน้ำหนักตัวเรา ตามสูตรที่องค์การอนามัยโลกได้กำหนดเอาไว้คนเราในแต่ละวันต้องดื่มน้ำให้ได้ปริมาณที่เหมาะสมกับน้ำหนักของตัวเอง ดังวิธีคำนวณข้างล่าง
ถามว่า ทำไมต้องดื่มน้ำให้ได้ขนาดนั้น
ก็เพื่อความสมดุลของน้ำในร่างกาย เพราะร่างกายคนเราประกอบด้วยน้ำถึง 2 ใน 3 ส่วนถ้าร่างกายขาดน้ำ ธาตุไฟก็จะโหมกระหน่ำ ธาตุลมกำเริบ ธาตุดินก็แห้งแตกระแหง หรือจะดูกันง่ายๆ เลือดเรานั้นต้องประกอบด้วยน้ำกว่า 60% ถ้าขาดน้ำเลือดก็จะข้นหนืด ทำให้เลือดไหลเวียนไปหล่อเลี้ยงร่างกายลำบาก หัวใจก็จะทำงานหนักในการสูบฉีดเลือด เส้นเลือดบางเส้นมีขนาดเล็กมากจนต้องใช้กล้องขยายส่องดูจึงจะมองเห็นท่านลองคิดดูว่าเลือดที่มันข้นหนืดจะเข้าไปในเส้นเลือดเล็กๆเหล่านั้นได้อย่างไร
สุดท้ายก็ทำให้เส้นเลือดอุดตัน สมองขาดเลือด เป็นอัมพฤกษ์ อัมพาตไป ดังนั้น เราหันมาดื่มน้ำให้พอเพียงกับร่างกายต้องการกันดีกว่า
ขั้นตอนที่ 2. ดื่มน้ำตอนเช้าหลังตื่นนอน ตื่นเช้าขึ้นมาขอแนะนำว่าอย่างแรกที่ทุกท่านควรทำก่อนอย่างอื่นเลยก็คือ ดื่มน้ำให้ได้ 2 – 5 แก้ว ดื่มน้ำอุ่นๆยิ่งดี เพราะน้ำอุ่นนั้นดื่มง่ายกว่าน้ำธรรมดา และอุณหภูมิของน้ำที่ดื่มไม่ต่ำกว่าอุณหภูมิของร่างกายไม่เป็นการไปดึงอุณหภูมิร่างกายให้เย็นลง ทำไมต้องดื่มน้ำก่อนแปรงฟัน บางท่านแปรงฟันเสร็จแล้วก็จะไปทำธุระอะไรต่อมิอะไรเยอะแยะ อ่านหนังสือพิมพ์ ทานกาแฟ หรือทานข้าวเสร็จแล้วออกจากบ้านไปเลย จนลืมดื่มน้ำไป สาเหตุที่ให้ดื่มน้ำก่อนแปรงฟันก็เพื่อป้องกันไม่ให้ท่านหลงลืมการดื่มน้ำ หรือถ้าท่านใดรู้สึกรังเกียจขี้ฟันของตัวเองก็ดื่มหลังจากแปรงฟันเสร็จแล้ว ก็ได้ไม่ผิดกติกาแต่อย่างใด แต่อย่าลืมดื่ม ขั้นตอนที่ 3. หลีกเลี่ยงน้ำเย็น น้ำอัดลม และนม อุณหภูมิโดยปกติของร่างกายคนเรานั้นอยู่ที่ 36-37 องศาเซลเซียส ถ้าเราดื่มน้ำเย็นๆสัก 2 องศาเซลเซียส น้ำเย็นจะต้องไปดึงความร้อนของร่างกายมาทำให้อุณหภูมิของน้ำเท่ากับร่างกาย การดูดซึมจะทำงานได้ ทำให้ร่างกายสูญเสียพลังงานและเสียเวลาในการปรับสมดุลให้คืนสู่ปกติ บางท่านเอาน้ำชาใส่กระติกน้ำแข็งแช่เย็นแล้วก็ดื่มทั้งวัน เวลาดื่มก็ชื่นใจดี แต่ท่านเชื่อหรือไม่ว่าท่านยิ่งดื่มมากเท่าไหร่ ท่านก็ยิ่งร้อนมากขึ้นเท่านั้น เพราะชามีฤทธิ์เย็น แม้ท่านจะดื่มแบบร้อนก็ตาม เมื่อชาเข้าไปอยู่ในร่างกายแล้ว ความร้อนของน้ำจะหายไป เหลือแค่ฤทธิ์ของชาซึ่งเย็น และไม่ต้องพูดถึงว่าเมื่อเราดื่มน้ำชาแช่เย็นแล้วตัวเราจะเย็นมากขึ้นเพียงใด เหมือนร่างกายเราถูกแช่เย็น แถมยังเกิดลมเกิดแก๊สขึ้นมาอีกต่างหาก ส่วนน้ำอัดลมนั้น ท่านดื่มแล้วรู้สึกเย็นซ่า ชื่นใจ จนบางคนติด ไม่ดื่มไม่ได้ จะดื่มทีก็ต้องดื่มแบบเย็นจัด ลองคิดดูว่าท่านได้อะไรจากน้ำอัดลมบ้าง นอกจากความเย็น น้ำตาล สารแต่งสี สารแต่งกลิ่น มีแต่สิ่งไม่มีประโยชน์ทั้งนั้นเลย ส่วนนม ที่หลายท่านพยายามสอนให้ลูกให้หลานดื่มกันด้วยความเชื่อว่านมนั้นมีประโยชน์เหลือหลาย ว่าจะทำให้ตัวโตแข็งแรงแคลเซียมช่วยบำรุงกระดูก ชาวเอเชียเมื่อหย่านมแล้วร่างกายจะไม่ย่อยน้ำตาลแลกโตสในนม และสารเคซินในนมจะเหนียวจับตัวเป็นลิ่มเป็นก้อน ทำให้กระเพาะอาหารทำการย่อยสารเหล่านี้ลำบาก และยิ่งนิยมดื่มนมที่มีรสหวาน ดื่มนมแช่เย็นกันอีก ความหวานและความเย็นจากนมที่ท่านชอบดื่มกันก็สามารถสร้างปัญหาให้ร่างกายท่านได้ไม่ต่างอะไรจากน้ำอัดลม เช่นเดียวกัน
ขั้นตอนที่ 4. ดื่มน้ำให้ถูกเวลา
-15 นาทีก่อนทานอาหาร - ระหว่างทานอาหาร - รับประทานอาหาร ทั้ง 3 กรณีที่ยกมานี้เป็นช่วงเวลาที่คนเรามักดื่มน้ำ การดื่มน้ำในช่วงเวลาดังกล่าวนี้เป็นการดื่มน้ำที่ผิดเวลาอย่างมาก และเป็นสาเหตุทำให้เกิดอาการเจ็บไข้ได้ป่วยได้ ถ้าท่านดื่มน้ำก่อนทานอาหาร น้ำที่ท่านดื่มเข้าไปมันก็ไปเจือจางน้ำย่อยในกระเพาะอาหาร และพอท่านทานอาหารตามเข้าไป น้ำย่อยที่เข้มข้นสำหรับย่อยอาหารตามเข้าไป น้ำย่อยที่เข้มข้นสำหรับย่อยอาหารมันกลับเจือจางเสียแล้ว ทำให้การย่อยอาหารไม่ดี อาหารไม่ย่อยและเกิดการหมักหมมในกระเพาะอาหาร พอเกิดการหมักหมมในกระเพาะอาหารเมื่อไหร่ก็เกิดพิษในร่างกายขึ้นมาเมื่อนั้น พิษที่เกิดขึ้นมาก็เป็นสาเหตุอาการเจ็บป่วยทั้งหลาย เช่นเดียวกับการที่ท่านดื่มน้ำระหว่างทานอาหารหรือดื่มน้ำหลังรับประทานอาหารอิ่มใหม่ๆ จะทำให้ระบบการย่อยอาหารทำงานได้ดี แก้ไขได้ง่ายๆ ด้วยวิธีนี้
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น