ดัชนีชี้วัดความสุข
“Gross National Happiness is more important than Gross National Product.” 
Jigme Singye Wangchuck, King of Bhutan, 1972 
Gross national happiness (GNH) ความสุขมวลรวมประชาชาติ แนวคิดที่เริ่มเสนอโดยรัฐบาลภูฐานที่จะใช้ดัชนีความสุขมวลรวมประชาชาติ วัดความเจริญก้าวหน้าในการพัฒนาประเทศของตน  แทนดัชนีผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติ (GNP) ซึ่งวัดจากมูลค่าสินค้าและบริการโดยรวมของทั้งประเทศ  เนื่องจากพวกเขาเห็นว่ามูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติ เพียงแต่สะท้อนภาพหยาบๆของสินค้าและบริการที่มีการผลิตและซื้อขายกันแต่ไม่ได้สะท้อนการพัฒนาด้านสังคมและคุณภาพชีวิตของประชาชนส่วนใหญ่ แนวคิดเรื่องดัชนีความสุขมวลรวมประชาชาติของภูฐานเสนอว่า การจะพัฒนาประเทศเพื่อเป้าหมายนี้จะต้องพิจารณาการพัฒนามนุษย์ทั้ง 4 ด้าน คือ การพัฒนาเศรษฐกิจ การอนุรักษ์สภาพแวดล้อม การส่งเสริมด้านวัฒนธรรม และการบริหารที่ดี (good governance) มุ่งเน้นการวัดความสุขที่เกิดจากจิตใจ  มิใช่ทางด้านวัตถุโดยประเทศชาติควรมองถึงคุณภาพชีวิตของประชากร  ด้านสังคม  อารมณ์  จิตใจ  สภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ  และวัฒนธรรมประเพณีมากกว่าการบริโภคการจับจ่ายใช้สอยในประเทศเพียงอย่างเดียว 
เหตุผลคือการอธิบายถึงต้นทุนของ  GDP  ที่เพิ่มขึ้น  การเพิ่มขึ้นของ GDP  นั้นมาจากการวัดมูลค่าผลผลิตมวลรวมภายในประเทศ  ซึ่งการผลิตสินค้าชนิดหนึ่ง ๆ นั้นจะเป็นส่วนหนึ่งในมูลค่าผลผลิตมวลรวมภายในประเทศ  แต่การที่ GDP  เพิ่มขึ้นนั้นไม่ได้หมายความว่าประเทศชาติจะพัฒนาขึ้นตาม  ในทางกลับกันสินค้าที่เพิ่มขึ้นนั้นอาจนำมาซึ่งความเสียหาย  และสูญค่าของประชาชาติก็ได้  อาทิ  การผลิตสุราของมึนเมาเพิ่มขึ้นนั้น  ต้นทุนของมันอาจนำมาสู่  การทำผิดกฎหมาย  การฆาตกรรม  การทำผิดศีลธรรมต่าง ๆ ก็เป็นได้  ซึ่ง GDP  ไม่ได้สนใจในเรื่องนี้  GDP  มุ่งที่จะวัดแต่การผลิตที่เพิ่มขึ้นของสินค้า  ไม่ได้คำนึงถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นของสินค้าที่มีต่อประเทศชาติ  ดังนั้น GDP  เพียงบอกได้แต่ว่าประเทศชาติมีการผลิตเท่าไร  แนวโน้มเป็นอย่างไรแต่ไม่สามารถบอกได้ว่าประชาชนในประเทศอยู่ดีกินดี มีความสุขเสรีภาพตามมาตรฐานมากน้อยเพียงใด  จึงได้เกิดแนวความคิดในการที่จะวัดความกินดีอยู่ดีในประเทศชาติขึ้นมาซึ่ง GNH
credit: witayakornclub, ocsc.go.th,
 
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น