เคล็ดลับ 7 ประการ ในการคิดบวก
credit: www.krotron.com
แม้ว่าจะมีการกล่าวถึงกันมากเกี่ยวกับความคิดเชิงบวก แต่น้อยคนที่เข้าใจในเรื่องนี้อย่างถ่องแท้ การคิดบวกไม่ได้หมายถึงการไม่สนใจต่อสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัวและฝันลม ๆ แล้ง ๆ อยู่กับความคิดบวกที่ล่องลอยในอากาศ การฝืนยิ้มและบอกตัวเองว่าทุกอย่างกำลังจะดีแล้ว การละเลยปัญหาและความยุ่งยากต่าง ๆ โดยไม่ได้ใช้พยายามที่จะแก้ปัญหา ฯลฯ วิธีการเหล่านี้ไม่ใช่การคิดเชิงบวก คนที่คิดเชิงบวกไม่เพียงคาดหวังในสิ่งที่ดีที่สุด และเชื่อว่าสถานการณ์ที่เลวร้ายจะดีขึ้น แต่จะต้องลงมือปฏิบัติด้วยการมองหาโอกาสในการแก้ไขปัญหานั้น ในภาวะปกติที่สุขสบายอาจเป็นการง่ายที่จะคิดบวก แต่การคิดบวกไม่ง่ายเลยเมื่อต้องเผชิญกับภัยพิบัติหรือสถานการณ์ที่ร้ายแรง ต่าง ๆ นอกเสียจากผู้ที่ผ่านการฝึกฝนมาแล้ว เพราะการคิดเชิงบวกนั้นก็เป็นเช่นเดียวกับทักษะอื่น ๆ คือ ต้องมีการพัฒนาอย่างค่อยเป็นค่อยไป และมีการฝึกฝนจนคล่องแคล่ว ไม่มีใครสามารถว่ายน้ำได้ดีราวกับนักกีฬาโดยไม่ผ่านการเรียนรู้และฝึกซ้อม เทคนิคในการคิดบวกนั้นมีหลากหลายแนวทาง ในที่นี้ขอเสนอเคล็ดลับ 7 ประการ สำหรับการคิดเชิงบวก ซึ่งอาจดูเหมือนเป็นวิธีง่าย ๆ แต่หากลองนำไปใช้ปฏิบัติจะพบว่าเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพอย่างแท้จริง
- จำไว้เสมอว่า “เวลาคือของขวัญล้ำค่า” บาง วันบางเวลาดูเหมือนเป็นช่วงเวลาที่ย่ำแย่ แต่ชีวิตคนเรานั้นประกอบด้วยช่วงเวลาสั้น ๆ มากมาย และแต่ละช่วงเวลาให้โอกาสเราในการเลือกที่จะมองในมุมที่ดีหรือมุมที่เลวร้าย การยึดติดกับความผิดพลาดที่เกิดขึ้นในอดีต ถือเป็นเรื่องที่เปล่าประโยชน์ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นและผ่านไปแล้วนั้น เราไม่สามารถจะตามไปแก้ไขอะไรได้ พึงระลึกเสมอว่าช่วงเวลาที่เหลืออยู่เป็นของขวัญอันล้ำค่าที่เปิดโอกาส สำหรับสิ่งดี ๆ ที่จะเข้ามาในชีวิตของคุณได้อีก ความผิดพลาดในวันนี้ไม่ได้หมายความว่าวันหน้าคุณจะไม่มีวันประสบความสำเร็จ ได้ บางเรื่องราวหรือบางคนอาจทำให้เราโกรธหรือเครียดมากเมื่อวันก่อน ครั้นมาวันนี้เราอาจลืมเรื่องราวหรือคน ๆ นั้นไปแล้วก็ได้ อย่าปล่อยให้เหตุการณ์เพียงเรื่องเดียวมาควบคุมชีวิตของคุณ จงเรียนรู้ที่จะมองข้ามช่วงเวลาที่ผิดหวังหรือทุกข์ใจ ให้เห็นโอกาสอีกมากมายที่รออยู่ข้างหน้า
- ดึงตัวเองให้หลุดออกจากความทุกข์ ในวันแย่ ๆ หากอยู่ในห้องทึบทึมที่อบอวลไปด้วยความคิดแง่ลบ ด้วยบรรยากาศที่ขุ่นมัวแบบนี้ จะทำให้ความคิดของเราหยุดนิ่ง และจมดิ่งลงสู่ทัศนคติเชิงลบทั้งหลาย ซึ่งมีแต่จะทำให้สถานการณ์ย่ำแย่ลงไปอีก ดังนั้น หากพบว่าตัวเองชักจะจมปลักอยู่กับความท้อแท้ผิดหวัง อย่าปล่อยให้ตัวเองติดอยู่กับความทุกข์ ไม่ว่าสถานการณ์นั้นจะมืดมนเพียงใด คุณก็สามารถทำบางสิ่งบางอย่างที่ช่วยให้รู้สึกดีขึ้นได้ เช่น รับประทานไอศครีมอร่อย ๆ สักถ้วย อ่านข้อความที่ให้กำลังใจ โทรศัพท์ไปหาเพื่อนหรือคนที่คุณรัก ออกไปเดินเล่น ปลูกต้นไม้สักต้น ฯลฯ ไม่สำคัญว่าสิ่งดี ๆ นั้นจะเป็นอะไร ขอเพียงแต่ช่วยให้คุณรู้สึกดีขึ้น และจะช่วยดึงให้หลุดออกจากบรรยากาศที่ทำให้เกิดความคิดแง่ลบ เมื่อถอยออกมาจากเหตุการณ์นั้นสักระยะหนึ่ง แล้วมองย้อนกลับเข้าไปใหม่ อาจช่วยให้คุณมองเห็นทางออกของปัญหาเหล่านั้นก็ได้
- ตั้งเป้าหมายในสิ่งที่ทำได้ไม่ยาก ลองมองหาสิ่งที่ง่าย ๆ ที่อยู่ในความสามารถที่จะทำได้ เพื่อเปลี่ยนแปลงชีวิตให้ดีขึ้น เช่น หากเผชิญกับปัญหาทางการเงิน ก็อาจจะใช้เวลาพิจารณางบประมาณ และดูว่าจะสามารถจะลดค่าใช้จ่ายในส่วนใดได้บ้าง หากมีปัญหาในการทำงาน ลองมองดูศักยภาพที่มีอยู่ในตนเอง แล้วเริ่มต้นจากเป้าหมายเล็ก ๆ ที่สามารถทำได้ไม่ยาก หยิบมาทำก่อน เพื่อช่วยให้เป้าหมายที่ยิ่งใหญ่กว่า มีทางเป็นไปได้มากขึ้น
- เปลี่ยนมุมมองเป็นแง่บวก เมื่อใดก็ตามที่คุณเริ่มหมกมุ่นอยู่กับความคิดเชิงลบ ให้รีบถอนตัวออกมาทันที และเปลี่ยนมุมมองเสียใหม่ โดยมองปัญหาในอีกด้าน มองเรื่องแย่ ๆ ให้เป็นแง่บวก การมีรอยยิ้มและอารมณ์ขัน จะช่วยให้สถานการณ์คลี่คลายลงได้มาก จงยิ้มและหัวเราะให้กับเรื่องเครียด ๆ ที่เจอ โดยมองว่า “ชีวิต คือ การเรียนรู้ ทุกประสบการณ์ล้วนเป็นครูสอนเราให้แข็งแกร่งขึ้น” ดังนั้น ทุกอย่างที่เกิดขึ้นจึงเป็นเรื่องที่ดีและมีประโยชน์ทั้งหมด อย่างไรก็ตาม การจะเปลี่ยนมุมมองให้คิดบวกจนติดเป็นนิสัยนั้น ต้องอาศัยความกล้าและความอดทนฝึกไปเรื่อย ๆ จนกลายเป็นคนมองโลกในแง่ดี มีทัศนคติเชิงบวก แล้วเราจะพบเห็นโอกาสต่าง ๆ อีกมากมาย ให้เลือกก้าวเดินไปข้างหน้า และควบคุมชีวิตตัวเองไปในทางบวกได้ตามที่คิด
- ขอบคุณสิ่งดี ๆ ในชีวิต เมื่อตื่นขึ้นมาในตอนเช้า จงเริ่มต้นวันใหม่ของคุณด้วยการคิดถึงสิ่งดี ๆ อย่างน้อย 5 สิ่ง ที่คุณรู้สึกขอบคุณ และทำเช่นนี้อีกครั้งในเวลากลางคืนก่อนนอน โดยคิดถึงอีก 5 สิ่ง ที่คุณรู้สึกชื่นชมและขอบคุณ ซึ่งอาจเป็นความสำเร็จเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่คุณทำได้ในแต่ละวันก็ได้ แล้วคุณจะพบว่าเรื่องดี ๆ มีมากกว่าเรื่องแย่ ๆ ตั้งมากมาย และเมื่อใรก็ตาม ที่คุณรู้สึกท้อแท้ ให้คว้ากระดาษหรือไดอารี่ขึ้นมาแล้วเขียนสิ่งดี ๆ เหล่านี้ลงไป ความรู้สึกดี ๆ จะถูกซึมซับผ่านเข้าสู่จิตใจและทำให้คุณมีรอยยิ้มและกำลังใจขึ้นมาอีกครั้ง หนึ่ง ด้วยการจดจำสิ่งดี ๆ และความสำเร็จทั้งหลายในชีวิต จะช่วยให้เปลี่ยนความคิดจากเชิงลบเป็นเชิงบวกได้ดียิ่งขึ้น
- หยุดคิดในแง่ลบ ข้อนี้อาจดูเหมือนพูดง่ายแต่ทำยาก อย่างไรก็ตาม เป็นความจริงที่ว่าการหยุดความคิดเชิงลบสามารถเปลี่ยนชีวิตของเราได้ทำนอง เดียวกับรถยนต์ หากขับเคลื่อนไปโดยไม่มีห้ามล้อ อาจจะถลำจนเสียหายและตกเหวได้ การหยุดความคิดในแง่ลบอาจทำได้หลายวิธี เช่น ถามตัวเองว่า “เหตุการณ์นี้จะมีความสำคัญกับตัวเราไปตลอดทั้งปีเลยหรือไม่?” ถ้า “ไม่” ก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องกังวลหรืออารมณ์เสียมากมายไปกับสิ่งนั้น แต่ถ้าคำตอบ คือ “ใช่” ลองพิจารณาดูว่ามีขั้นตอนใดบ้างที่จะสามารถทำได้ในขณะนี้ เพื่อปรับปรุงสถานการณ์ให้ดีขึ้น
- ลงมือทำตามคำแนะนำของตัวเอง ลองสมมติว่าหากมีเพื่อนสนิทมาหาคุณ เพื่อขอคำแนะนำในปัญหาหรือสถานการณ์ที่คุณกำลังเผชิญอยู่ คุณจะให้คำแนะนำแก่เขาอย่างไร โดยทั่วไปเรามักจะรู้คำตอบดีอยู่แล้วว่า “สิ่งที่จะต้องทำเพื่อให้ชีวิตดีขึ้นนั้นคืออะไร” เพียงแต่ต้องเริ่มที่จะลงมือทำสิ่งนั้น แทนที่จะเฝ้ารอบางคนหรือบางสิ่งบางอย่างให้มาเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ของตัวเราเอง
หากวันนี้คุณเหนื่อยล้าท้อแท้ใจกับวันแย่ ๆ ลองใช้ 7 วิธีที่กล่าวมานี้ คืนความสุขและรอยยิ้มกลับมาสู่ตัวคุณเอง เปลี่ยนวันสีเทาให้เป็นวันที่สดชื่น แล้วคุณจะพบว่าการมองโลกในแง่บวกจะช่วยให้อะไรๆ ง่ายขึ้นมากเลยทีเดียว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น