credit: modern mom
        
คัดจมูก 
น้ำมูกไหล
          
เมื่อเราเป็นหวัดจะมีเลือดมาเลี้ยงเยื่อบุผิวช่องจมูกมากขึ้น 
เพื่อนำเอาเม็ดเลือดขาวและ Antibody มาต่อสู้กับการติดเชื้อ ทำให้เกิดอาการคัดจมูก 
หายใจไม่ออก และมีน้ำมูกไหล 
ถึงแม้อาการคัดจมูกจะเป็นกระบวนการต่อสู้กับเชื้อเพื่อช่วยเหลือตนเองของร่างกาย 
แต่ก็ทำให้เรารู้สึกอึดอัดไม่น้อย 
อาการคัดจมูกมีน้ำมูกเนื่องจากหวัดสามารถหายได้โดยไม่ต้องใช้ยา 
และวิธีดูแลตัวเองให้รู้สึกสบายขึ้นจากอาการนี้ ทำได้โดย
        
 ไม่ควรออกแรงสั่งน้ำมูกอย่างรุนแรง
ไม่ควรออกแรงสั่งน้ำมูกอย่างรุนแรง 
เพราะอาจเกิดแรงดันย้อนกลับ ทำให้เชื้อไวรัสย้อนกลับเข้าทางโพรงจมูก 
และทำให้โพรงอากาศรอบจมูกหรือไซนัสเกิดการอักเสบติดเชื้อได้ 
โดยเฉพาะถ้าสั่งน้ำมูกแรง ๆ พร้อมกันทั้งสองข้าง 
ทางที่ดีสั่งน้ำมูกทีละข้างเพื่อให้มีแรงดันย้อนกลับน้อยที่สุด
        
 ดื่มน้ำมาก ๆ
ดื่มน้ำมาก ๆ โดยเฉพาะน้ำอุ่น 
หรือกินอาหารเหลวร้อน ๆ เช่น ซุปไก่ ช่วยบรรเทาอาการคัดจมูกได้
        
 ใช้ไอน้ำร้อน
ใช้ไอน้ำร้อน เช่น อาบน้ำอุ่น 
เช็ดหน้าด้วยผ้าชุบน้ำอุ่น หรือสูดไอน้ำต้มหัวหอมร้อน ๆ 
จะช่วยละลายน้ำมูกที่คั่งค้างอยู่ได้ โดยใช้หอมแดง 4-5 หัวทุบพอแตกต้มกับน้ำ 1 
ลิตรจนเดือด เทใส่กะละมังแล้วเอาผ้าขนหนูคลุมศีรษะกับกะละมัง 
ก้มหน้าสูดไอร้อนประมาณ 5-10 นาที หรือจะใช้น้ำนี้อาบน้ำก็ช่วยได้เช่นกัน 
เพียงแต่เพิ่มปริมาณน้ำให้มากขึ้น 
ใส่เปลือกส้มโอและใบมะขามไปอีกสักกำมือแล้วต้มรวมกัน ก็ช่วยบรรเทาหวัด ลดน้ำมูกได้ 
หรือจะใช้วิธีกิน โดยกินหอมแดงแนมกับอาการเป็นประจำทุกมื้อ อย่างน้อยครั้งละ 1 หัว 
ก็ช่วยบรรเทาอาการได้
        
 หยุดสูบบุหรี่
หยุดสูบบุหรี่ หรืออยู่ให้ห่างควันบุหรี่ 
เพราะควันบุหรี่ทำให้เกิดอาการระคายเคืองในช่องจมูก
         ถ้ามีน้ำมูกมากจนจมูกเริ่มแดง
ถ้ามีน้ำมูกมากจนจมูกเริ่มแดง รูจมูกเจ็บและอักเสบ 
ควรหาวาสลินเจลทาบาง ๆ รอบจมูก ป้องกันการแสบจมูก 
หรือจะใช้ผ้าเช็ดหน้าสะอาดเนื้อนุ่มชุบคาโมไมล์ประคบไว้ 1-2 นาที 
ถ้าดูแลตัวเองตามนี้ร่วมกับการใส่ใจในอาหารการกิน พักผ่อนเพียงพอ 
ออกกำลังกายพอเหมาะ อาการคัดจมูกและน้ำมูกก็จะค่อย ๆ ดีขึ้น 
โดยไม่จำเป็นต้องใช้ยาพ่นจมูกหรือล้างจมูก เว้นเสียแต่มีอาการหวัดเรื้อรัง 
ไซนัสอักเสบ และถ้าคัดจมูกนานเกินกว่า 3 สัปดาห์หรือมีไข้ น้ำมูกข้นมีสีเข้มขึ้น 
และปวดบริเวณโพรงอากาศ (Sinus) ควรปรึกษาแพทย์
หูอื้อ
          
อาการหูอื้อขณะเป็นหวัดหรือหลังหวัดหายเกิดขึ้นได้ 
เพราะไวรัสทำให้ท่อที่เชื่อมระหว่างหูชั้นกลางกับช่องลำคอเกิดการอักเสบและบวม 
ส่งผลให้ความดันในหูชั้นกลางสูงขึ้น จึงมีอาการหูอื้อข้างเดียวหรือทั้ง 2 ข้าง เป็น 
ๆ หาย ๆ สลับกันไปมาให้อึดอัดรำคาญได้ หรืออาจเป็นเพราะไวรัสทำให้หูชั้นกลางอักเสบ 
มีรายงานพบว่า อาการหูอื้อหลังหวัดมักสัมพันธ์กับความเครียด การพักผ่อนไม่เพียงพอ 
ดังนั้นคุณหมอจึงแนะนำให้พักผ่อนให้เพียงพอ ไม่เครียด ดื่มน้ำอุ่นเพิ่มมากกว่าปกติ 
กินอาหารที่มีประโยชน์ เพิ่มผักผลไม้มาก ๆ ออกกำลังกายตาม
 
ควรหลีกเลี่ยงฝุ่นละอองและเสียงดัง ถ้าอาการไม่ดีขึ้นควรได้รับการตรวจหู 
เพื่อดูความผิดปกติในหูชั้นกลางและตรวจภายในโพรงจมูกค่ะ 
เจ็บคอ
          
การที่เป็นหวัดแล้วเจ็บคอด้วยเพราะมีการติดเชื้อระบบทางเดินหายใจส่วนบน คือ 
ติดเชื้อในโพรงจมูกเรื่อยลงไปจนถึงคอส่วนล่าง 
นั่นเลยทำให้คอส่วนนี้เกิดอาการระคายและเจ็บได้ 
อาการนี้ไม่จำเป็นต้องพึ่งยา 
เพียงแต่ดูแลตัวเองแต่เนิ่น ๆ ไม่ปล่อยให้ลุกลามจนเกิดอาการแทรกซ้อนอื่น ๆ 
ตามมา
         ดื่มน้ำอุ่นมากขึ้นกว่าเดิม 2 เท่า
ดื่มน้ำอุ่นมากขึ้นกว่าเดิม 2 เท่า 
โดยเฉพาะคนที่ไอและมีเสมหะร่วมด้วย เพราะน้ำจะช่วยให้เสมหะใสและเหนียวน้อยลง 
ร่างกายขับออกได้ง่ายขึ้น และช่วยลดอาการระคายคอ
         น้ำเกลือกลั้วคอ
น้ำเกลือกลั้วคอ ของพื้น ๆ 
อย่างเกลือใช้เป็นยาแก้เจ็บคอได้อย่างดีทีเดียว โดยผสมเกลือ 1 ช้อนชากับน้ำอุ่น 1 
ถ้วย คนจนละลาย อมน้ำเกลือกลั้วคอ โดยแหงนศีรษะไปด้านหลัง 
เพื่อให้น้ำเกลือไหลอาบเนื้อเยื่อในลำคอ ทำซ้ำวันละ 4 ครั้ง
        
 ผลไม้รสเปรี้ยว
ผลไม้รสเปรี้ยว เช่น มะนาว ส้ม มะขาม เสาวรส เป็นต้น 
เพราะในรสเปรี้ยวของผลไม้เหล่านี้มีกรดชิตริกที่ช่วยลดอาการเจ็บคอได้ 
และยังมีวิตามินซีช่วยเสริมภูมิต้านทานให้ร่างกายพร้อมสู้กับเชื้อไวรัสและแบคทีเรีย 
ช่วยลดระยะเวลาในการเป็นหวัดให้สั้นลง ตัวอย่างสูตรการใช้ เช่น 
มะนาว 
น้ำอุ่น 1 แก้วผสมมะนาวอมกลั้วคอวันละ 2-3 ครั้ง 
หรือคั้นน้ำเหยาะเกลือเล็กน้อยจิบบ่อย ๆ หรือบีบมะนาวครึ่งลูกผสมน้ำอุ่นครึ่งแก้ว 
เติมน้ำผึ้ง 1 ช้อนชาดื่ม รสเปรี้ยวของมะนาวจะช่วยขับน้ำลาย 
ลดอาการระคายเคืองในลำคอ ส่วนน้ำผึ้งมีฤทธิ์ช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอ
 ส้ม 
ปรุงน้ำส้มแก้เจ็บคอโดยคั้นส้ม 3 ผล เติมน้ำมะนาวและน้ำตาลอย่างละ 1 ช้อนโต๊ะ 
เกลืออีก ½ ช้อนชา เอาไว้จิบบ่อย ๆ ก็ช่วยแก้ไอขับเสมหะและชุ่มคอได้
        
 เลี่ยงควันและมลพิษต่าง ๆ
เลี่ยงควันและมลพิษต่าง ๆ 
รวมทั้งสารระเหยจากน้ำยาทำความสะอาดในบ้าน หรือสีทาบ้าน และงดสูบบุหรี่ 
เพราะจะยิ่งทำให้เจ็บคอมากขึ้น
         ใช้เสียงให้น้อย
ใช้เสียงให้น้อย 
ถ้าอาการเจ็บคอลุกลามจนกล่องเสียงอักเสบ เกิดการระคายคอมากเวลาพูด 
หรือเสียงหายไปชั่วขณะ ควรพักผ่อนให้เพียงพอ 
และให้ความอบอุ่นกับร่างกาย
         ปรับสภาพอากาศภายในห้องให้ชื้นขึ้นเล็กน้อย
ปรับสภาพอากาศภายในห้องให้ชื้นขึ้นเล็กน้อย 
เพื่อเพิ่มความชื้นในอากาศที่แห้ง ช่วยให้เยื่อเมือกในช่องคอไม่แห้ง 
เพราะถ้าช่องคอแห้งจะทำให้ระคายคอ โดยนำอ่างใส่น้ำมาวางไว้ในบริเวณห้อง 
หรือหากระถางต้นไม้มาตั้ง ยกเว้นในห้องนอน
 
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น