สุดยอดพัฒนาการเด็ก 10 อย่างที่ลูกได้รับจากศิลปะ
credit: www.gh3tallplus.com
1. ความคิดสร้างสรรค์
การปลูกฝังให้เด็กมีความคิดสร้างสรรค์ตั้งแต่เด็ก จะช่วยเปิดโลกให้เด็กได้เรียนรู้โลกอย่างมีอิสระ ในมุมมองด้านบวก ศิลปะจะช่วยให้เด็กเรียนรู้ที่จะคิดนอกกรอบ และเมื่อเติบโตขึ้น ความคิดสร้างสรรค์นี้ก็จะติดตัวไปใช้ประโยชน์ได้อย่างมากมายในอนาคต
เราอาจจะนึกภาพไม่ออก ลองดูตัวอย่างการฝึกง่ายๆเช่น ตั้งโจทย์ให้เด็กๆวาดรูป ความรัก โดยวาดออกมาได้อย่างอิสระ หรือให้ลองเล่นดนตรีแล้วทายว่าเป็นกำลังมีเรื่องราวอะไรในบทเพลง เป็นต้น
การฝึกให้เด็กรู้จักศิลปะทั้งในด้านดนตรี การวาดภาพ การเคลื่อนไหว การพูด และศิลปะด้านอื่นๆทุกด้านล้วนเป็นการเสริมพัฒนาการเด็กให้มีความคิดสร้างสรรค์เพิ่มมากขึ้น
เราจึงควรสร้างโจทย์ที่ส่งเสริมให้ลูกคิดนอกกรอบไปพร้อมๆกับความสนุกและรางวัลจากความคิดนั้นเพื่อปลูกฝังให้เด็กกล้าและรักที่จะมีความคิดสร้างสรรค์
2. ทักษะการแก้ปัญหา
การสร้างศิลปะขึ้นมาสักชิ้นจะสำเร็จขึ้นมาได้ต้องผ่านกระบวนการที่ซับซ้อนและหาทางออกเพื่อไปให้ถึงเป้าหมายที่ตัวเองตั้งใจไว้
ตัวอย่างเช่น เมื่อเราจะปั้นรูปปั้นสักชิ้น เราก็ต้องคิดว่าจะใช้ดินเหนียวปั้นยังไง ใช้เครื่องมืออะไร ถึงจะออกมาได้ในแบบที่เราต้องการ
ในศิลปะการแสดง เมื่อเราต้องการสร้างเรื่องราวเพื่อสื่อสารกับผู้ชม เราก็ต้องคิดว่าจะทำอย่างไรจึงจะสามารถสื่อความรู้สึก สื่ออารมณ์ได้สำเร็จ
ในศิลปะการวาดรูป เราก็ต้องคิดว่าจะใช้เทคนิคอย่างไร ใช้เครื่องมืออะไร ใช้สีอะไร ให้ภาพออกมาเหมือนที่เราจินตนาการ
เมื่อเราต้องการสร้างศิลปะสักชิ้นหนึ่ง เราจะต้องเผชิญกับปัญหาในทุกๆกระบวนการ และต้องคิดหาทางออกตลอดเวลาเพื่อทำงานชิ้นนั้นให้สำเร็จ โดยวิธีแก้ปัญหาก็ล้วนเป็นเชิงสร้างสรรค์ที่เรามีอิสระที่จะคิดหาทางออกโดยไม่ต้องกำหนดกรอบที่ตายตัว ซึ่งเป็นการฝึกทักษะและพัฒนาการเด็กให้แก้ปัญหาได้อย่างสร้างสรรค์ภายใต้ตรรกกะเหตุผล ซึ่งเป็นทักษะที่สำคัญเมื่อเด็กเติบโตขึ้นและเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในอนาคต
3. ความมั่นใจในตัวเอง
เมื่อลูกของเราขี้อาย ไม่กล้าแสดงออก วิธีแก้ปัญหาที่ได้ผลดีอย่างยิ่งคือลองให้ลูกได้เรียนรู้ศิลปะการแสดงออก โดยเฉพาะการแสดงบนเวที
ศิลปะการแสดงจะช่วยให้เรากล้าพูด กล้าแสดงออก กล้าที่จะยึดครองเวทีและสื่อสารกับคนดูจำนวนมาก
เราอาจจะเคยได้ยินคำว่าคอมฟอร์ทโซนหรือคือพื้นที่ที่เราสบายใจ ในเด็กที่ขี้อายจะกลัวไม่กล้าออกมาจากพื้นที่นี้ จะทำแต่สิ่งที่ตัวเองเคยชิน สบายใจ แต่เมื่อเด็กเคยชินกับการแสดงออกผ่านศิลปะการแสดง ความกล้าก็จะตามมา ทำให้เด็กไม่กลัวที่จะก้าวออกมา กล้าที่จะผิดพลาด และไม่หวาดกลัวกับความล้มเหลว สิ่งเหล่านี้คือความกล้าและความมั่นใจที่ลูกจะได้รับจากการเรียนรู้ศิลปะการแสดงบนเวที
4. ความขยันหมั่นเพียร อดทนพยายาม
พัฒนาการของเด็กในด้านต่างๆหลายๆด้านจำเป็นต้องใช้ความอดทนพยายามเพื่อไปให้ถึงจุดหมาย ตัวอย่างเช่น เมื่อเด็กเรียนดนตรี ก็คงไม่เริ่มจากเล่นเพลงที่ยากในทันที เด็กจะเข้าใจว่าจะต้องเริ่มเรียนรู้และพัฒนาตนเองเพื่อให้เข้าใกล้เป้าหมาย และยิ่งพัฒนาตัวเองได้เร็วเท่าไร เราก็จะสามารถเล่นเพลงที่เราต้องการได้เร็วเท่านั้น
ซึ่งนี่คือการปลูกฝังให้ลูกเข้าใจและเคยชินกับการใช้ความอดทนพยายามเพื่อให้ไปถึงเป้าหมายที่ต้องการ
5. ความร่วมมือสามัคคี
ศิลปะหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นการแสดงดนตรีกลุ่ม การแสดงเวที ล้วนช่วยให้เด็กฝึกการทำงานเป็นกลุ่ม เด็กจะรู้ว่าตัวเองเป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่งที่จะทำให้การแสดงประสบความสำเร็จ และจะสำเร็จได้ก็ไม่ใช่เกิดจากตัวเองเพียงคนเดียว แต่เกิดจากการร่วมมือกันในกลุ่ม
ซึ่งเมื่อประสบความสำเร็จแล้ว แม้ว่าเด็กจะไม่ได้บทบาทที่เด่นหรือสำคัญที่สุด เด็กก็จะมั่นใจว่าสิ่งที่ตัวเองทำมีความสำคัญ และเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดความสำเร็จ
6. ทักษะการสื่อสาร
ศิลปะคือการสื่อสาร ไม่ว่าจะเป็นการพูดคุยผ่านทางภาพ ผ่านทางการแสดง การเต้น การเคลื่อนไหวร่างกาย ล้วนแล้วแต่ทำให้เด็กมั่นใจและเรียนรู้วิธีในการสื่อสารสิ่งที่ตนต้องการ เรียนรู้ภาษาภาพภาษากาย ทักษะการใช้คำพูด ซึ่งล้วนแล้วมีประโยชน์ต่อการเข้าสังคมในอนาคต
7. การเรียนรู้ที่จะรับฟังความคิดเห็น
ผู้ใหญ่หลายคนมีปัญหาและไม่เข้าใจการติเพื่อก่อ หลายๆคนกลัวการถูกวิพากษ์วิจารณ์ จนไม่กล้าฟังความคิดเห็น ทำให้ไม่สามารถแก้ไขปัญหาหรือพัฒนาตัวเองในอนาคตได้
หากเราสามารถปลูกฝังให้เด็กเคยชินกับการรับฟังคำวิจารณ์ การเสนอแนะและการติชม จะส่งผลให้เด็กสามารถเปิดรับคำวิจารณ์และความเห็นได้อย่างเป็นธรรมชาติ
เราสามารถฝึกให้ลูกเรียนรู้ที่จะรับฟังความเห็นผ่านทางศิลปะ เมื่อลูกสร้างสรรค์ศิลปะออกมาสักชิ้นหนึ่งหรือการแสดงสักอย่างหนึ่ง ความเห็นจากคนรอบข้างจะเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยส่งเสริมพัฒนาการเด็กให้เรียนรู้ที่จะปรับปรุงตัวเองได้สำเร็จ
8. เพิ่มสมาธิเด็ก
ศิลปะจะช่วยฝึกสมาธิให้ลูกได้อย่างดีเยี่ยม เด็กที่มีปัญหาสมาธิสั้น ไม่นิ่ง ไม่อยู่เฉย จะเรียนรู้ที่จะจดจ่อกับสิ่งที่ตัวเองทำ และจะเรียนรู้ที่จะทำอย่างเพลิดเพลิน เมื่อเด็กรู้สึกสนุกและเพลิดเพลินกับสิ่งที่ตัวเองทำอยู่ ไม่ว่าจะเป็นการนั่งวาดรูปเล่น การเล่นดนตรี การเต้น การร้อง ก็ล้วนแล้วช่วยสร้างสมาธิ ให้เด็กเรียนรู้ที่จะตั้งใจ จดจ่อ กับสิ่งที่ทำ และสมาธินี้ก็จะส่งผลถึงการเรียนและกิจกรรมต่างๆในชีวิตประจำวันอีกด้วย
9. ความมุ่งมั่น ความตั้งใจ
การสร้างศิลปะ ไม่ว่าจะเป็นดนตรี ภาพวาด การแสดง ล้วนแล้วแต่ต้องใช้การฝึกฝน อดทน การตรงต่อเวลาในการฝึกซ้อม และเมื่อประสบความสำเร็จแล้วรางวัลที่ได้คือการภูมิใจในตัวเอง เสียงตบมือ คำชื่นชมจากคนรอบข้าง ซึ่งรางวัลจากความสำเร็จที่ทำให้รู้สึกว่าความพยายามของเราคุ้มค้า จะเป็นแรงผลักดันในอนาคตที่ทำให้ลูกเกิดความมุ่งมั่นและตั้งใจพยายามในสิ่งต่างๆมากยิ่งขึ้น
10. ความรับผิดชอบ
ในศิลปะที่ทำร่วมกันเป็นกลุ่ม เด็กจะเรียนรู้ที่จะต้องทำงานร่วมกันและรับผิดชอบร่วมกัน ลูกจะรู้ว่าการกระทำของตนเองมีผลกระทบต่อคนอื่น ตัวอย่างเช่น เมื่อเราไปฝึกซ้อมมาไม่ดีพอ คนอื่นๆก็จะได้รับผลเสียไปด้วย อีกทั้ง ในการทำศิลปะ เมื่อลูกทำอะไรที่ผิดพลาด ลูกก็จะได้เรียนรู้ที่จะยอมรับข้อผิดพลาดของตน รับผิดชอบในจุดที่ผิดพลาด และแก้ไขพัฒนาตนเองให้ดีขึ้นอีกด้วย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น